คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การปรับปรุงพันธุ์อ้อยสำหรับสภาพชลประทานและมีน้ำเสริม

คำหลัก : อ้อย การปรับปรุงพันธุ์โคลนดีเด่น การประเมินพันธุ์ผลผลิต ซีซีเอส ผลผลิตน้ำตาล โรคแส้ดำ โรคเหี่ยวเน่าแดง

ผู้วิจัย : วัลลิภา สุชาโต

ผู้ร่วมวิจัย : อุดมศักดิ์ ดวนมีสุข, ปิยธิดา อินทร์สุข, วาสนา วันดี, สุวัฒน์ พูลพาน, อัจฉราภรณ์ วงศ์สุขศรี, อุไรวรรณ พงษ์พยัคเลิศ, สมบูรณ์ วันดี, กาญจนา หนูแก้ว, รุ่งรวี บุญทั่ง, วัลลีย์ อมรพล, การิตา จงเจือกลาง, ชูชาติ บุญศักดิ์, ศัสยมน นิเทศพัตรพงษ์, มนตรี ปานตู และเพทาย กาญจนเกสร

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครปฐม

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: รายงานความก้าวหน้า

จำนวนผู้อ่าน: 103 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การปรับปรุงพันธุ์อ้อยสำหรับสภาพชลประทานและมีน้ำเสริม มีวัตถุประสงค์เพื่อวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยที่มีผลผลิตน้ำหนักสูง ผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% ของพันธุ์เปรียบเทียบและศึกษาความต้านทานโรคการตอบสนองต่อปัจจัยการผลิต โดยพันธุ์อ้อยที่ใช้ไปนานๆจะมีความเสื่อมของพันธุ์เนื่องจากการสะสมของโรค ทำให้ผลผลิตลดลง การปรับปรุงพันธุ์อ้อยเริ่มจากการคัดเลือกคู่ผสมที่ใช้เป็นพันธุ์พ่อแม่ ผสมพันธุ์แบบ conventional breeding โดยวิธีช้าตัวเมีย (Marcotting) หลังจากเพาะเมล็ดได้กล้าอ้อยจำนวนมาก ทำการคัดเลือกขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 แล้วจึงเข้าสู่การประเมินผลผลิตโดยทำการเปรียบเทียบเบื้องต้น (อ้อยปลูกและอ้อยตอ 1) เปรียบเทียบมาตรฐาน (อ้อยปลูกอ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2) และเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร (อ้อยปลูกอ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2) ทำให้ขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีในการขอรับรองพันธุ์อ้อย โครงการประกอบด้วย 2 กิจกรรม
          กิจกรรมที่ 1 การปรับปรุงพันธุ์อ้อยการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อยชุดปี 2553 อ้อยปลูก อ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2 จาก 5 แปลง พบว่า มีอ้อยโคลนดีเด่น คือ โคลน UT10-623 ซึ่งให้ผลผลิตน้ำตาลสูงกว่าพันธุ์ LK92-11 ซึ่งจะทำการรับรองพันธุ์ในปี 2565 การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อยชุดปี 2554 อ้อยปลูก อ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2 จาก 5 แปลง พบว่า มีอ้อยโคลนดีเด่นคือ โคลน UT11-341 ซึ่งให้ผลผลิตน้ำตาลสูงกว่าพันธุ์ LK92-11การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรอ้อยชุดปี 2555 ในอ้อยปลูก อ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2 จาก 5 แปลง พบว่า มีอ้อยโคลนดีเด่นที่มีศักยภาพคือ โคลน UT12-237 การเปรียบเทียบมาตรฐานพันธุ์อ้อยชุดปี 2555 ในอ้อยปลูก อ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2 จาก 3 สถานที่ พบว่า โคลนที่มีศักยภาพ คือ UT12-237 UT12-043 และ UT12-046 การเปรียบเทียบมาตรฐานพันธุ์อ้อยชุดปี 2556 ในอ้อยปลูก อ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2 พบว่า มีอ้อยโคลนดีเด่น คือ UT13-189 การเปรียบเทียบมาตรฐานพันธุ์อ้อยชุดปี 2557 การเปรียบเทียบมาตรฐานพันธุ์อ้อยชุดปี 2558 พบว่า ในชุดโคลน UT14 ยังไม่มีโคลนที่มีศักยภาพดีเด่นกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ สำหรับการศึกษาปฏิกิริยาต่อโรคเหี่ยวเน่าแดงของโคลนอ้อยชุดปี 2559 มี 12 โคลน ที่มีปฏิกิริยาความต้านทานต่อโรคปานกลาง (MR)สำหรับการศึกษาปฏิกิริยาต่อโรคแส้ดำของโคลนอ้อยชุดปี 2558 มี 3 โคลน คือ UT15-060 UT15-094 และ UT10-227 ที่มีปฏิกิริยาอ่อนแอต่อโรคปานกลาง (MS) ซึ่งโคลนดีเด่นส่วนใหญ่จะมีปฏิกิริยาอ่อนแอต่อโรค (S)
          กิจกรรมที่ 2 การตอบสนองของโคลนดีเด่นต่อปัจจัยการผลิตและการจัดการอ้อย พบว่าโคลนดีเด่นชุดปี 2555 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนจะทำให้อ้อยปลูกมีผลผลิตมากกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ควรมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอ้อยปลูกอัตรา 15.0 - 22.5 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและปุ๋ยโพแทสเซียมอัตรา 3 และ 6 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนในอ้อยตอ ควรมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอ้อยตออัตรา 7.5 - 22.5 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและปุ๋ยโพแทสเซียมอัตรา 3 และ 6 กิโลกรัมต่อไร่ อ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2556 พบว่า ควรมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอ้อยปลูกอัตรา 7.5 - 22.5 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและปุ๋ยโพแทสเซียมอัตรา 3 และ 6 กิโลกรัมต่อไร่

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 37 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 27-11-2567

แจ้งไฟล์หาย