คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การปรับปรุงพันธุ์มันสําปะหลังเพื่อบริโภคหัวสด : การเปรียบเทียบ มาตรฐาน ชุดที่ 1

คำหลัก : พันธุ์ Hanatee ดัชนีการเก็บเกี่ยว กรดไซยาไนด์ amylase

ผู้วิจัย : เมธาพร พุฒขาว

ผู้ร่วมวิจัย : จิณณจาร หาญเศรษฐสุข, เสาวรี บํารุง, กัญญรัตน จําปาทอง, พีรชา มณีชาติ

หน่วยงาน : สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน

ปี: 2555

ประเภทผลงาน: รายงานความก้าวหน้า

จำนวนผู้อ่าน: 0 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

การเปรียบเทียบมาตรฐานพันธุ์มันสําปะหลังเพื่อบริโภคหัวสด ชุดที่ 1 มีสายพันธุ์ที่เขาเปรียบเทียบจํานวน 6 สายพันธุ์ ใช้พันธุ์ระยอง 2 และพันธุ์ Hanatee เป็นพันธุ์ตรวจสอบ วางแผนแบบ Randomized Complete Block Design (RCB) จํานวน 3 ซ้ํา ใช้ระยะปลูก 1.0 x 1.0 เมตร ทําการทดลองที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา ผลการทดลองพบว่า พันธุ์ที่นําเข้าเปรียบเทียบให้ค่าผลผลิตหัวสดอยู่ระหว่าง 1.8 – 5.0 ตันต่อไร่จํานวนหัว 6.7-13.2 หัวต่อต้น ปริมาณแป้ง 18.2 – 25.8 เปอร์เซ็นต์ ค่าดัชนีการเก็บเกี่ยว 0.29-0.52 ค่าความหวาน (องศาบริกซ์) 6.7 – 8.3 และปริมาณไซยาไนด์อยู่ในระดับ 3 (16- 25 ppm.) ส่วนพันธุ์ตรวจสอบ คือ พันธุ์ระยอง 2 และพันธุ์ Hanatee ให้ค่าผลผลิตหัวสด 3.2 และ 2.9 ตันต่อไร่ จํานวนหัว 13.1 และ 11.6 หัวต่อต้นปริมาณแป้งในหัวสด 15.3 และ 16.5 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีการเก็บเกี่ยว 0.49 และ 0.45 ค่าความหวาน 6.6 และ 6.7 องศาบริกซ์ และปริมาณไซยาไนด์ อยู๋ในระดับ 3 (16 - 25 ppm.) ดังนั้น ได้คัดเลือกสายพันธุ์ ที่มี HCN ต่ํามีรสชาติดี และให้ผลผลิตค่อนข้างสูงไว้2 สายพันธุ์ ได้แก่ MuMN51-4-29a และ MuMN51-9-14a ซึ่งมีผลผลิตหัวสด 3.8 และ 5.0 ตันต่อไร่ จํานวนหัวต่อต้นเท่ากับ 11.7 และ 13.1 หัว ปริมาณแป้งในหัวสด 18.9 และ 25.8 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีการเก็บเกี่ยว 0.43 และ 0.52 ค่าความหวาน 7.5 และ 8.3 องศาบริกซ์ และปริมาณไซยาไนด์อยู่ในระดับ 3 (16-25 ppm.) เพื่อนําไปเปรียบเทียบพันธุ์ ในขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ในท้องถิ่นต่อไป ทางตรงและทางอ้อม ทั้งด้านอุตสาหกรรม และเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ ในประเทศไทยยังมีการนํามันสําปะหลังมาใช้ประโยชน์ค่อนข้างน้อย มักถูกจํากัดอยู่เพียงอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ แต่ที่จริงแล้วมันสําปะหลังนํามาใช้เป็นอาหารหลักของมนุษย์อย่างมากมายและเป็นเวลาช้านานมาแล้วโดยเฉพาะประเทศทางแถบทวีปอัฟริกา และอเมริกาใต้ มันสําปะหลังนอกจากจะใช้เป็นอาหารหลักแล้ว ยังมีการนํามารับประทานได้หลายรูป เช่น ทําเป็นแป้งมัน เพื่อนําไปปรับเป็นอาหารอย่างอื่นต่อไป หัวสดยังนํามาทําเป็นมันทอดได้โดยปอกเปลือก ฝานเป็นแผ่นบางๆ นําไปทอด ใช้เป็นอาหารว่างได้ คนไทยนิยมนํามาเชื่อม ย่าง หรือทําเป็นขนมมันนึ่งใส่มะพร้าวและน้ําตาล (พวงเพชร, 2547) มันสําปะหลัง 73.7-84.9 เปอร์เซ็นต์ของน้ําหนักแห้ง คือ แป้ง แป้งจากมันสําปะหลังประกอบด้วย amylase และ amylopectin ในสัดส่วนประมาณ 80:20 และสามารถสกัดออกมาได้ง่าย เนื่องจาก
มีโปรตีนและไขมันน้อย และเป็นแหล่งคาร์โบไฮเตรทให้พลังงานต่อร่างกายมนุษย์ และสัตว์ ได้ดี ฉะนั้นการส่งเสริมให้มีการปลูกมันสําปะหลัง เพื่อการบริโภค เพื่อนําเอาหัวมันสดมาแปรรูปใช้ประโยชน์รูปอื่นๆ โดยเฉพาะการนํามาใช้เป็นอาหารมนุษย์ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเป็นการช่วยเหลือรัฐและเกษตรกรแก้ไขปัญหาผลผลิตมันอุตสาหกรรมล้นตลาด หรือราคาตกต่ําได้
ปัจจุบันเกษตรกรนิยมใช้มันสําปะหลังพันธุ์ Hanatee ซึ่งเป็นมันสําปะหลังที่เหมาะสมในการบริโภค และเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีปลูกมานานในประเทศไทย มีลักษณะเนื้อหัวร่วน เหมาะสมสําหรับทําขนม เช่น เชื่อม ย่าง (อัจฉราและจรุงสิทธิ์ , 2547) ในมันสําปะหลังพบกรดไฮโดรไซยานิคในรูปลินามาริน และโลทอสตราลิน ร้อยละ ๘๐-๙๐ ที่เหลือพบในรูปไซยาไนด์อิสระหรือไฮโดรเจนไซยาไนด์ (อมรรัตน์ และคณะ, 2555 ) ไซยาไนด์เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสัตว์ ส่วนใหญ่ ประกอบอยู่ที่เปลือกหัว และใบมากกว่าเนื้อหัวสด ดังนั้นวิธีการลดพิษไซยาไนด์ ก่อนนํามาบริโภค คือ การปอกเปลือก และการให้ความร่อน แต่อย่างไรก็ตามการปลูกมันสําปะหลัง เพื่อการบริโภคยังมีผลผลิตค่อนข้างต่ํา จากงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่ดําเนินการที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง และศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ได้ทําการผสมพันธุ์มันสําปะหลังพันธุ์ Hanatee กับพันธุ์ต่างๆ ที่มีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิค

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 0 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 21-11-2567

แจ้งไฟล์หาย