คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

พันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตงา

คำหลัก : งา ผลผลิตสูง ฝักไม่แตกง่าย การอนุรักษ์ การกลายพันธุ์ ต้านทานโรค ปริมาณน้ำมัน สารต้านอนุมูลอิสระ

ผู้วิจัย : ธำรง เชื้อกิตติศักดิ์

ผู้ร่วมวิจัย : ศิริรัตน์ กริชจนรัช, สมใจ โควสุรัตน์, อรอนงค์ วรรณวงษ์, ปรีชา แสงโสดา, จุไรรัตน์ หวังเป็น, ลักขณา ร่มเย็น, ศิริวรรณ อำพันฉาย, ระพีพรรณ ชั่งใจ, พีชณิตดา ธารานุกูล, สมหมาย วังทอง, ศิริรัตน์ กริชจนรัช, บุญเหลือ ศรีมุงคุณ, นัฐภัทร์ ค้าหล้า, สุทธิดา บูชารัมย์, สาคร รจนัย, ประภาพร แพงดา, นภาพร คำนวณทิพย์, มลุลี สิทธิษา, พินิจ จิรัคคกุล และภัทรวรรณ บุญเรือง

หน่วยงาน :

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: รายงานความก้าวหน้า

จำนวนผู้อ่าน: 1 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          แผนงานวิจัยย่อยวิจัยพัฒนาพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตงา ดำเนินการปี 2559 - 2564 ประกอบด้วยโครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์ และการอนุรักษ์พันธุกรรมงา และโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตงา เพื่อวิจัยและพัฒนาพันธุ์งาแดง งาขาว และงาดำ ให้ได้พันธุ์ใหม่ผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% พันธุ์งาฝักไม่แตกง่ายเพื่อลดการร่วงของเมล็ดเมื่อสุกแก่ และเหมาะกับการใช้เครื่องเก็บเกี่ยว พันธุ์งาต้านทานต่อโรคเน่าดำ และโรคไหม้ดำ ตลอดจนข้อมูลปริมาณน้ำมัน และสารต้านอนุมูลอิสระของงา เทคโนโลยีการผลิตงาที่เหมาะสม นับตั้งแต่การจัดการธาตุอาหาร ระบบการปลูกพืช การกำจัดวัชพืช การควบคุมศัตรูพืช การจัดการดิน การใช้ปุ๋ยพืชสด ผลของการปลูกงาในสภาพดินภูเขาไฟ การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการผลิตงาเพื่อลดการใช้แรงงานและต้นทุนการผลิตสำหรับปลูกในเขตพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ในสภาพนาชลประทาน หรือสภาพนาที่สามารถให้น้ำเสริมได้ในช่วงฤดูแล้ง การผลิตงาอินทรีย์ และแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากงา เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของงา โดยเฉพาะสารกาบา (GABA) ผลการวิจัยพบว่า การปรับปรุงพันธุ์งาเพื่อผลผลิตสูง ได้งาแดงพันธุ์แนะนำ คือ งาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 3 ให้ผลผลิตในแหล่งปลูกสำคัญ (เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์) 216 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์อุบลราชธานี1 และพันธุ์อุบลราชธานี 2 ร้อยละ 12 และ 5 ตามลำดับ ให้ผลผลิตในแหล่งปลูกทั่วไป 130 กก./ไร่ สูงกว่างาแดงพันธุ์อุบลราชธานี1 ร้อยละ 11 ปริมาณน้ำมัน 46.4% สูงกว่างาแดงพันธุ์อุบลราชธานี1 และงาแดงพันธุ์อุบลราชธานี2 ร้อยละ 2 และ 1 ตามลำดับ และต้านทานต่อการท้าลายของมวนฝิ่นสีเขียว ได้งาสายพันธุ์ดีเด่นที่ให้ผลผลิตสูง 2 สายพันธุ์ ได้แก่ งาดำสายพันธุ์ PBS56-13-9-14 ผลผลิต 128 กก./ไร่ มากกว่าพันธุ์อุบลราชธานี3 (79 กก./ไร่) และพันธุ์ มก.18 (81 กก./ไร่) ร้อยละ 62 และ 58 ตามลำดับ ทนทานต่อโรคไหม้ดำและโรคเน่าดำดีกว่างาดำพันธุ์อุบลราชธานี 3 และงาดำ มก.18 และงาแดงสายพันธุ์ RS56-05-08 ผลผลิต 137 กก./ไร่ มากกว่างาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 1 (110 กก./ไร่) และงาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 2 (91 กก./ไร่) ร้อยละ 25 และ 51 ตามลำดับ นอกจากนี้ การรวบรวมและศึกษาจำแนกลักษณะพันธุกรรมของงา สามารถคัดเลือกสายพันธุ์งาที่ให้ผลผลิต และลักษณะทางการเกษตรดี มาใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ในการผสมพันธุ์เพื่อสร้างพันธุ์ และกลุ่มประชากรที่จะใช้เป็นฐานพันธุกรรมในการคัดเลือกในโครงการปรับปรุงพันธุ์งาต่อไป ส่วนโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตงา พบการระบาดของแมลงศัตรูงาน้อย ควรปลูกงาต้นฝนช่วงกลางเดือนพฤษภาคม - กลางเดือนมิถุนายน หรือปลายฝนช่วงกลางเดือนสิงหาคม การปรับปรุงบ้ารุงดินร่วนปนทรายที่ใช้ปลูกงาควรใช้ปุ๋ยพืชสด (ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า และปอเทือง) ร่วมกับปุ๋ย 16-16-8 การป้องกันกำจัดหนอนห่อใบงาควรใช้สารสกัดสะเดาร่วมกับสารเคมีการผลิตงาอินทรีย์ โดยการใช้พืชปุ๋ยสด คือ การปลูกถั่วพุ่ม 15 กก./ไร่ หรือการใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัว) อัตรา 1,000 กก./ไร่ หรือปุ๋ยหมักเติมอากาศ 500 กก./ไร่ หรือปุ๋ยมูลไก่แกลบ 600 กก./ไร่ ปุ๋ยมูลสุกร 750 กก./ไร่ สูตรน้ำหมักที่ใช้ป้องกันกำจัดหนอนห่อใบงาในระบบการปลูกงาอินทรีย์ คือ ใบสะเดา 20 กก. ใบยูคาลิปตัส เหง้าข่าแก่ บอระเพ็ด อย่างละ 2 กก. ต้มรวมกัน ปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ 1 คืนน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM และกากน้ำตาล อย่างละ 240 ซีซี ผสมกันเทใส่ถังหมัก หมักนาน 7 - 42 วัน น้ำมาฉีดพ่นป้องกันกำจัดหนอนห่อใบงา การพัฒนาผลิตภัณฑ์งา โดยการผลิตเมล็ดงางอก ซึ่งมีสารกาบามากกว่าเมล็ดงาแห้ง และการผลิตงางอกคั่วเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหรือผลิตต้นอ่อนงางอก และผลิตเป็นช็อคโกแลตผสมงางอกคั่ว (งางอกคั่ว 30 กรัม : ช็อคโกแลต 270 กรัม) การเก็บรักษางาคั่ว งาดำคั่วเก็บในถุงฟอยล์ซิปล็อค ส่วนงาขาวคั่ว เก็บในถุงพลาสติก (ถุงร้อน PP) ถุงพลาสติก (OPP) ถุงพลาสติกซิปล็อค ถุงฟอยล์ซิปล็อค และถุงพลาสติกสุญญากาศ สามารถเก็บได้นานถึง 12 สัปดาห์

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 1 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 21-11-2567

แจ้งไฟล์หาย