คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

แนวทางการพัฒนากระบวนการผลิตและคุณภาพยางเพื่อการส่งออก

คำหลัก : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สารเตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์ ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต ค่าความเป็นด่าง ค่าเสถียรภาพต่อการปั่น ปริมาณทองแดง ปริมาณแมงกานีส ปริมาณแมกนีเซียม ค่ากรดไขมันระเหยได้ ค่าโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ปริมาณของแข็งทั้งหมด ปริมาณเนื้อยางแห้ง

ผู้วิจัย : พรทิพย์ ประกายมณีวงศ์

ผู้ร่วมวิจัย : ปฏิมาภรณ์ สังข์น้อย, กิตติคุณ บุญวานิช, ภัทรียา เอื้อสว่างพร, พเยาว์ ร่มรื่นสุขารมย์, สุรชัย ศิริพัฒน์, พัชรา อินทะแสง, สุภาพร พรหมพันธุ์, อิศยาณัท แก้วประดับ และจรัสศรี พันธ์ไม้

หน่วยงาน :

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: รายงานความก้าวหน้า

จำนวนผู้อ่าน: 69 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          งานวิจัยนี้ ได้ศึกษาสมบัติยางแท่งเอสทีอาร์ชนิดความหนืดคงที่และยางแท่งเอสทีอาร์5L เพื่อปรับเกณฑ์มาตรฐานยางแท่งเอสทีอาร์ จึงศึกษาสมบัติยางแท่งเอสทีอาร์ชนิดความหนืดคงที่เพิ่มช่วงค่าควบคุมความหนืดยางแท่งชั้น STR 10 CV ที่ค่าความหนืด 65 และ 70 และยางแท่งชั้น STR 20 CV ค่าความหนืด 60 และ 70 โดยสุ่มเก็บตัวอย่างยางแท่งเอสทีอาร์จากโรงงานที่ได้รับอนุญาต พบว่ากรณีตัวอย่างยางแท่งเอสทีอาร์ ชั้น STR 10 CV เมื่อพิจารณาจากค่าความหนืดเฉลี่ยที่ทดสอบได้ สามารถแบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ 65 (+7,-5) และ 70 (+7,-5) หน่วยซึ่งมีแนวโน้มที่สามารถใช้ปรับเพิ่มเกณฑ์ยางแท่งเอสทีอาร์ชั้น 10 CV ได้และตัวอย่างยางที่อายุ 2 เดือน มีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานยางแท่งเอสทีอาร์ 10 CV ซึ่งครอบคลุมอายุใบรับรองคุณภาพยางแท่งเอสทีอาร์ สำหรับยางแท่งเอสทีอาร์ 20 CV พบว่าตัวอย่างยางที่ค่าความหนืดมูนนี่ที่ 60 หน่วย และ 70 หน่วย มีแนวโน้มจะสามารถปรับเพิ่มเกณฑ์ได้และเมื่อเก็บยางเป็นระยะเวลา 12 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงแต่ยังผ่านเกณฑ์มาตรฐานยางแท่งเอสทีอาร์ STR 20 CV (เกณฑ์ SMR CV กรณีค่าความแข็งระหว่างเก็บ) และค่าความหนืดมูนนี่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในช่วงควบคุม (+7,-5) ซึ่งประเมินได้ว่าผู้ผลิตยางแท่งสามารถในการผลิตยางแท่งเอสทีอาร์ชนิดความหนืดคงที่ ที่ค่าความหนืด 60 (+7,-5) และ 70 (+7,-5) ตัวอย่างจากผู้ผลิตยางแท่งเอสทีอาร์ชั้น 5L ชี้ให้เห็นว่าสมบัติปริมาณเถ้า ปริมาณสิ่งระเหย ปริมาณไนโตรเจน ความอ่อนตัวเริ่มแรก และสีผ่านเกณฑ์กำหนดทุกมาตรฐานและประเทศไทยมีการกำหนดเกณฑ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานอื่น สำหรับปริมาณสิ่งสกปรกที่เดิมประเทศไทยกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 0.04 โดยน้ำหนัก ผลการทดสอบมีค่าเฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 0.02 โดยน้ำหนักแสดงว่าสมบัติปริมาณสิ่งสกปรกของยางแท่งเอสทีอาร์ 5L ของประเทศไทยมีคุณภาพเพียงพอที่จะปรับเกณฑ์กำหนดให้มีคุณภาพเทียบเท่าของประเทศอื่น ในส่วนของสมบัติดัชนีความอ่อนตัวของยางแท่งเอสทีอาร์ 5L มีค่าต่ำสุด คือ ร้อยละ 75 ไม่ผ่านมาตรฐานของประเทศอินโดนีเซียที่กำหนดให้มีค่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 นั้น แต่ผ่านมาตรฐานอีก 4 มาตรฐาน ที่กำหนดค่าดัชนีความอ่อนตัวเริ่มแรกไว้เท่ากัน คือ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
          ในงานวิจัยนี้ยังมีการวิจัยและพัฒนาคุณภาพน้ำยางข้น โดยศึกษาข้อมูลปัจจัยด้านการผลิตและระยะเวลาการเก็บรักษาที่เหมาะสมสำหรับน้ำยางข้นเพื่อรักษาคุณภาพสำหรับการส่งออก โดยเก็บข้อมูลจากผู้ผลิตน้ำยางข้นในเขตภาคใต้ตอนล่าง ที่ได้รับอนุญาตตั้งโรงทำยางประเภทผลิตน้ำยางข้น โดยการสุ่มจำนวน 16 ราย และเปรียบเทียบคุณภาพน้ำยางข้นระหว่างกระบวนการผลิตต้นแบบและเชิงพาณิชย์พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพน้ำยางข้น สามารถเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ได้ผลดังนี้ อันดับ 1 คือ คุณภาพวัตถุดิบ อันดับ 2 คือ ความสะอาด อันดับ 3 คือ กระบวนการผลิต และอันดับ 4 คือ ระยะเวลาการเก็บและวิธีเก็บรักษา ผลการทดสอบคุณภาพตัวอย่างน้ำยางข้น จำนวน 16 ตัวอย่าง ที่เก็บรักษาไว้ที่ระยะเวลา 21, 78 , 127 , 169 และ 219 วัน สรุปได้ว่าคุณภาพที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา และระยะเวลาการเก็บน้ำยางข้นไม่ควรเกิน 3 เดือนนับจากวันผลิต จึงจะผ่านเกณฑ์มอก.980–2552 สำหรับน้ำยางข้นที่ผลิตโดยวิธีที่เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ มอก.980–2552 พบว่า ค่ากรดไขมันระเหยได้ มีค่าไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อน้ำยางมีอายุ 6 - 7 เดือน และค่าโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) ค่าไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อน้ำยางมีอายุ 4 เดือน ปริมาณของแข็งที่ไม่ใช่ยาง ค่าไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อน้ำยางมีอายุ 3 เดือน และมีแนวโน้มเพิ่มระยะเวลาการเก็บรักษาโดยยังผ่านเกณฑ์เกณฑ์ มอก.980–2552 ได้นานกว่า

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 22 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 26-11-2567

แจ้งไฟล์หาย