คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ผลของการใช้น้ำมันสะเดาเคลือบเมล็ดต่อคุณภาพเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง ที่มีระดับความแข็งแรงต่างกัน

คำหลัก : น้ำมันสะเดา เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง

ผู้วิจัย : นิภาภรณ์ พรรณรา

ผู้ร่วมวิจัย : นรีลักษณ์ วรรณสาย, กัณทิมา ทองศรี, กัลยา เนตรกัลยามิตร, สนอง บัวเกตุ

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชพิษณุโลก

ปี: 2555

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 79 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

การศึกษาผลของการใช้น้ำมันสะเดาเคลือบเมล็ดต่อคุณภาพเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง ที่มีระดับความแข็งแรงต่างกัน ดำเนินการที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชพิษณุโลก ในปี 2554 และ 2555 วางแผนการทดลองแบบ 2x3x2 Factorial in CRD จำนวน 3 ซ้ำ ประกอบด้วย 3 ปัจจัย ปัจจัยที่ 1 การเคลือบเมล็ดด้วยน้ำมันสะเดา 2 วิธีการ คือ เมล็ดปกติไม่เคลือบด้วยน้ำมันสะเดา และเคลือบเมล็ดด้วยน้ำมันสะเดา ปัจจัยที่ 2 ความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง 3 ระดับ คือ ความแข็งแรงต่ำ (Accelerated Aging Test ต่ำกว่า 55% ) ความแข็งแรงปานกลาง (Accelerated Aging Test 55- 74%) และความแข็งแรงสูง (Accelerated Aging Test มากกว่า 75%) ปัจจัยที่ 3 ความชื้นของทรายที่ใช้เพาะเมล็ด 2 ระดับ คือ ความชื้นของทราย 60% ของความจุอุ้มน้ำ (Water Holding Capacity, WHC) และความชื้นของทราย 100 % ของความจุอุ้มน้ำ (Water Holding Capacity, WHC) โดยการทดสอบความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์ ปี 2554 และ 2555 พบว่า เมล็ดที่มีความแข็งแรงสูง การเพาะเมล็ดถั่วเหลืองในสภาพความชื้นทรายทั้ง 2 ระดับ ความงอกและความเร็วในการงอกไม่แตกต่างกัน แต่เมล็ดที่มีความแข็งแรงปานกลางและต่ำ การเพาะในสภาพความชื้นทราย 60 % มีความงอกและความเร็วในการงอกสูงกว่าการเพาะในสภาพความชื้นทราย 100% และในปี 2555 การเคลือบเมล็ดด้วยน้ำมันสะเดามีความงอกและความเร็วในการงอกสูงกว่าการไม่เคลือบน้ำมันสะเดาที่ระดับความชื้นทราย 100% การหาความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์วิธีการหาความเร็วในการงอกให้ประสิทธิภาพค่อนข้างดีกว่าการหาน้ำหนักแห้งของต้นกล้า ดังนั้น น้ำมันสะเดาก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่จะใช้เคลือบเมล็ดถั่วเหลืองก่อนปลูกในสภาพที่ชื้นแฉะ

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 26 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 28-11-2567

แจ้งไฟล์หาย