คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ปรับปรุงพันธุ์ทุเรียน

คำหลัก : ทุเรียน ทุเรียนพื้นเมือง คุณภาพ อายุเก็บเกี่ยว การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ พันธุกรรมท้องถิ่น สภาพถิ่นเดิม

ผู้วิจัย : ทวีศักดิ์ แสงอุดม

ผู้ร่วมวิจัย : ศิริพร วรกุลดำรงชัย, อรวินทินี ชูศรี, สำเริง ช่างประเสริฐ, สมพงษ์ สุขเขตต์, ณิชชา แหลมเพ็ชร, อรรถพล รุกขพันธ์, พรพยุง คงสุวรรณ, รัชนี ฉัตรบรรยงค์, หฤทัย แก่นลา, นนทกร จันทร์แสง, ชูชาติ วัฒนวรรณ, มาลัยพร เชื้อบัณฑิต, ชมภู จันที, สุชาดา ศรีบุญเรือง, สุมาลี ศรีแก้ว, ชญานุช ตรีพันธ์, ชญานุช ตรีพันธ์, ปิยะนุช มุสิกพงษ์, สุริยัน มิสกร, อุษา สิทธิฤทธิ์, เสาวณีย์ ศรีสุมา, สมนึก ฉวนฉิม, อานันต์ ศรีสวัสดิ์, นภาพร แก้วเจริญ, บุญเกื้อ ทองแท้, ศรัญญา ใจพะยัก, นพดล แดงพวง และปัญจพล ศิริสุวรรณมา

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 129 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การปรับปรุงพันธุ์ทุเรียนมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ อนุรักษ์พัฒนาพันธุ์ใหม่ รวมทั้งการทดสอบในเชิงพาณิชย์ ดำเนินการระหว่าง ปี 2559 - 2565 มี 5 กิจกรรม มีผลการดำเนินการดังนี้
1) การสำรวจ ศึกษา ทุเรียนพื้นเมือง ดำเนินการใน 4 พื้นที่คือ ศวส. จันทบุรี ชุมพร ตรัง และยะลา รวบรวมได้มากกว่า 900 สายพันธุ์ และพบบางสายพันธุ์มีลักษณะโดดเด่นสามารถพัฒนาเป็นการค้าใหม่ได้
2) การคัดเลือกพันธุ์ลูกผสม ชั่วที่ 1ชุดที่ 1 - 4 และชั่วที่ 2 ที่ ศวส.จันทบุรี ทุเรียนลูกผสมชั่วที่ 1 ชุดที่ 1 คัดได้ 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 9-69-5 อายุการเก็บเกี่ยวสั้น 87 - 95 วันหลังดอกบาน ติดผลง่าย คุณภาพดีสายพันธุ์ 5-441-1 เมล็ดลีบ 55.18% และสายพันธุ์ 12-21-2 เนื้อมีความคงสภาพดี ไม่เละง่าย มันและเหนียวชุดที่ 2 3 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 39-3-4 มีเมล็ดลีบสูงสุด 96.77% รองมา คือ สายพันธุ์ 32-27-9 และ 32-16-11 มีเมล็ดลีบ 86.21 และ79.78% ตามลำดับ ชุดที่ 3 11 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ 16-9-9 มีน้ำหนักผลและเนื้อหนาสุด เหมาะในการแปรรูป สายพันธุ์ 22-3-2 มีเมล็ดลีบสูงสุด 100% และชุดที่ 4 ผ่านเกณฑ์ 12 สายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับบริโภคสด สำหรับลูกผสมชั่วที่ 2 คัดได้ 8 สายพันธุ์ และจะเข้าสู่ขั้นตอนการเปรียบเทียบพันธุ์ลูกผสมต่อไป
3) การเปรียบเทียบทุเรียนลูกผสมพันธุ์ใหม่ในแหล่งผลิตต่างๆ 4 พื้นที่ พื้นที่ จ.จันทบุรี พบว่าลูกผสมที่เก็บเกี่ยวต้นฤดู 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 9-69-5 (94 วันหลังดอกบาน) ใกล้เคียงกับพันธุ์กระดุม สายพันธุ์ 5-10-7 (102 วันหลังดอกบาน) ใกล้เคียงกับพันธุ์ชะนี และมีเมล็ดลีบ 60.70% และสายพันธุ์ 5-543-18 อายุการเก็บเกี่ยวปานกลาง 109 วันหลังดอกบาน เปอร์เซ็นต์เนื้อ 36.56% และเมล็ดลีบ 53.74% พื้นที่ จ.ตรัง กลุ่มอายุการเก็บเกี่ยวสั้น 4 สายพันธุ์/พันธุ์ ได้แก่ (#7) 10-251-8-1, (#14) IIICN x M10-7, (#16) IIICN5-4-3-6 และ (#24) กระดุม สายพันธุ์ที่ได้รับความพึงพอใจด้านการบริโภค คือ (#14) IIICN x M10-7 กลุ่มอายุการเก็บเกี่ยวปานกลาง 18 สายพันธุ์/พันธุ์ และสายพันธุ์ที่ได้รับความพึงพอใจด้านการบริโภค คือ (#9) 10-432-6, (#13) ICN7-5-2-2 และ (#18) IIICN6-1-4-7 กลุ่มอายุการเก็บเกี่ยวยาว 3 สายพันธุ์/พันธุ์ ได้แก่ (#17) IIICN5-4-3-18, (#19) IIICN6-2-1-13 และ (#21) ก้านยาว สายพันธุ์ที่ได้รับความพึงพอใจด้านการบริโภค คือ (#17) IIICN5-4-3-18 พื้นที่ จ.ชุมพร 1) กลุ่มอายุการเก็บเกี่ยวสั้น 10 สายพันธุ์ ที่มีลักษณะดี คือ 11-341-1, 10-432-6 และ 10-251-8-1 และ 2) กลุ่มอายุเก็บเกี่ยวปานกลาง 10 สายพันธุ์ ที่มีลักษณะดี คือ 6-152-5 และ 7-121-12 พื้นที่ยะลา คัดได้สายพันธุ์ IIICN 6-4 และ IIICN x M 10-7 :7j ให้ผลิตผลมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อยู่ในลำดับ 2 และ 3
4) การทดสอบทุเรียนพันธุ์ลูกผสมใหม่ในเชิงพาณิชย์ใน 8 พื้นที่ จ.จันทบุรี เปรียบเทียบพันธุ์จันทบุรี 1 2 และ 3 กับพันธุ์หมอนทอง พบว่าพันธุ์จันทบุรี 3 ให้ผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด 2,415 กิโลกรัมต่อไร่ รองลงมา คือ พันธุ์หมอนทอง จันทบุรี 2 และจันทบุรี 1 จ.ศรีสะเกษ และนครพนม ทดสอบทุเรียนจันทบุรี 2 และ 3 ร่วมกับพันธุ์หมอนทอง พบว่า พันธุ์จันทบุรี 2 มีการเจริญเติบโตดีที่สุด พันธุ์จันทบุรี 3 ให้ผลผลิตได้ใกล้เคียงกับพันธุ์หมอนทอง ผู้บริโภคและเกษตรกรพึงพอใจทุเรียนจันทบุรี 3 ส่วนที่ จ.นครพนม พบว่าพันธุ์จันทบุรี 2 มีการเจริญเติบโตดีที่สุด สูงกว่าพันธุ์จันทบุรี 3 จ.ชุมพร เปรียบเทียบทุเรียนลูกผสมจันทบุรี 1 – 6 ร่วมกับพันธุ์ก้านยาว หมอนทอง และ ชะนี พบว่า ทุเรียนจันทบุรี 1 มีการเจริญดีสุด รองลงมา คือ จันทบุรี 4, 5, 3 และ 6 จ. นราธิวาส พบว่า ทุเรียนจันทบุรี 1 มีขนาดทรงพุ่มกว้างที่สุด แต่ลูกผสมทุกพันธุ์มีขนาดรอบโคนน้อยกว่าหมอนทอง และชะนี ซึ่งพันธุ์จันทบุรี 2 สามารถปรับตัวได้ดีที่สุด ส่วนการทดสอบทุเรียนลูกผสมพันธุ์จันทบุรี 4 5 6 7 8 และ 9 พื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์พบว่าทุเรียนพันธุ์จันทบุรี 4 มีเส้นรอบโคนต้นและความสูงมากที่สุด และคะแนนการยอมรับอยู่ในลำดับที่ 2 พันธุ์จันทบุรี 8 และพันธุ์จันทบุรี 9 อยู่ในลำดับที่ 3 และ 4 จังหวัดศรีสะเกษพบว่า ทุเรียนพันธุ์หมอนทองค่าเฉลี่ยเส้นรอบโคนต้นมากที่สุด รองลงมา คือ พันธุ์จันทบุรี 9 พันธุ์จันทบุรี 8 คะแนนการยอมรับพันธุ์จันทบุรี 8 อยู่ในลำดับที่ 2 จังหวัดยะลา ทุเรียนพันธุ์จันทบุรี 6 มีเส้นรอบโคนต้นและความสูงมากที่สุด คะแนนการยอมรับพันธุ์จันทบุรี 4 อยู่ในลำดับที่ 2 พันธุ์จันทบุรี 8 และพันธุ์จันทบุรี 9 อยู่ในลำดับที่ 3 และ 4 ส่วนพันธุ์หมอนทองมีคะแนนการยอมรับลำดับที่ 1 ทั้ง 3 พื้นที่
5) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวทุเรียนพันธุ์แนะนำ พันธุ์จันทบุรี 1, 2 และ 3 พบว่าการสูญเสียน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลาการเก็บรักษา โดยทุเรียนที่ความสุกแก่ 90% มีการสูญเสียน้ำหนักมากกว่าความสุกแก่ที่ 70% น้ำหนักเนื้อแห้งของทุเรียนจะเพิ่มขึ้นตามอายุผล ส่วนคุณภาพภายใน เช่น ความแน่นเนื้อ ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด ลดลงตามระยะเวลาการเก็บรักษา สารอาหารหลักในเนื้อทุเรียน เช่น เถ้า ไขมัน ความชื้น โปรตีน ใยอาหาร และคาร์โบไฮเดรต ของทุเรียนแต่ละพันธุ์ที่อายุต่างกันมีค่าที่ไม่แตกกัน การให้พลังงาน ทุเรียนพันธุ์จันทบุรี 3 ให้พลังงานที่สูงกว่าทุเรียนทุกพันธุ์และทุกความสุกแก่

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 39 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 11-12-2567

แจ้งไฟล์หาย