คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

เทคโนโลยีการผลิตมะม่วงเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดส่งออก

คำหลัก : มะม่วงน้ำดอกไม้ การผสมข้ามสายพันธุ์ การติดผล เพลี้ยไฟ

ผู้วิจัย : ปาริชาติ พจนศิลป์

ผู้ร่วมวิจัย : ทวีศักดิ์ แสงอุดม, อุทัยวรรณ ทรัพย์แก้ว, รุ้งลาวัลย์ อินต๊ะวงค์, อุราพร หนูนารถ, ประภาพร ฉันทานุมัติ, สมพงษ์ สุขเขตต์, ธีรวุฒิ ชุตินันทกุล, เพ็ญจันทร์ สุทธานุกูล, ลาวัณย์ จันทร์อัมพร, สัจจะ ประสงค์ทรัพย์, วีรยุทธ ดัดตนรัมย์ และเกษมศักดิ์ ผลากร

หน่วยงาน : สถาบันวิจัยพืชสวน ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 137 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมะม่วงเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดส่งออกดำเนินการ ระหว่างปี พ.ศ. 2563 - 2564 ประกอบด้วย 6 การทดลอง การศึกษาครั้งนี้มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในการติดผลของมะม่วงพันธุ์การค้า ลดปัญหาแมลงศัตรู หาพันธุ์ทางเลือกจากพันธุ์ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เกษตรและส่งผลให้ปริมาณการส่งออกมากขึ้น โดยมีรายละเอียดผลวิจัย ดังนี้ 1) การใช้พันธุ์โชคอนันต์เป็นตัวถ่ายละอองเกสรให้กับพันธุ์น้ำดอกไม้ให้ผลของจำนวนช่อดอกและเปอร์เซ็นต์การติดมากที่สุด เท่ากับ 172 ช่อดอกต่อต้น และ 48 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ในขณะที่การใช้พันธุ์โชคอนันต์เป็นตัวถ่ายละอองเกสรให้กับพันธุ์เขียวเสวย ให้ผลของจำนวนช่อดอกมากที่สุด เท่ากับ 125 ช่อดอกต่อต้น รองลงมา คือ การใช้พันธุ์ R2E2 ที่ให้จำนวนช่อดอก เท่ากับ 58 ช่อดอก/ต้น และให้เปอร์เซ็นต์การติดผลมากที่สุด เท่ากับ 39 เปอร์เซ็นต์ 2) การใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตและธาตุอาหารเพื่อเพิ่มการติดผลในมะม่วง พบว่า การพ่นช่อดอกมะม่วงด้วยสารbrassinosteroid อัตรา 1 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร จำนวน 2 ครั้ง ในระยะเมื่อช่อดอก ยาว 3 - 4 เซนติเมตรและระยะดอกบาน 50 เปอร์เซ็นต์ที่ 4 สัปดาห์หลังพ่นสาร ให้เปอร์เซ็นต์การติดผลสูงสุด เท่ากับ 77.8 เปอร์เซ็นต์ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนการได้สาร Ethephon ความเข้มข้น 10 ppm จะมีเปอร์เซ็นต์การร่วงสูงที่สุดหลังจากได้รับสาร 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ เท่ากับ 75.9 และ 52.2 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การพ่นแคลเซียมและโบรอน อัตรา 75 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร จำนวน 2 ครั้ง แสดงผลเปอร์เซ็นต์การร่วงของผลน้อยที่สุดเท่ากับ 40 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ 3) การใช้สารเคมีแบบสลับกลุ่มเพื่อกำจัดเพลี้ยไฟ พบว่าการพ่นสาร spinetoram 12% SC อัตรา 15 มล./น้ำ 20 ลิตร (กลุ่ม 5) มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟในมะม่วง และสารไม่มีความเป็นพิษเป็นพิษต่อมะม่วง 4) การจัดการแปลงแบบผสมผสานที่มีการตัดแต่งกิ่ง การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การใช้สารกำจัดแมลงตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร มีแนวโน้มของจำนวนผลผลิตรวมและเปอร์เซ็นต์ผลผลิตเกรดเอมากกว่าวิธีการจัดการแปลงแบบเกษตรกร 5) การประเมินศักยภาพการผลิตและผลตอบแทนของการปลูกมะม่วงพันธุ์ไทยและพันธุ์ต่างประเทศเพื่อการส่งออก จากการสัมภาษณ์เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงจำนวน 128 ราย ตามภาคต่างๆ รวม 14 จังหวัด พบว่า มีการปลูกมะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ 69.9% ไม่ปลูก 30.1% พันธุ์ต่างประเทศที่ปลูกมี 14 พันธุ์ ปลูกมากที่สุด คือ พันธุ์ R2E2 37.3% ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองมา คือ พันธุ์งาช้างแดง 16.4% จินหวง 13.4% แดงจักรพรรดิ 11.9% แก้วขมิ้น 10.45% ส่วนพันธุ์ที่เหลือระหว่าง 0.75 - 2.99% ต้นทุนการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ ในฤดู ประมาณ 10,000 – 12,000 บาท นอกฤดูมากกว่าในฤดู ประมาณ 1 เท่า คือ ประมาณ 20,000 - 24,000 บาทต่อไร่ สูงกว่ามะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ 30 - 50% โดยเฉพาะค่าถุงห่อ แรงงาน ค่าสารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช การปลูกมะม่วงหลากหลายพันธุ์ทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์ต่างประเทศจะช่วยลดความเสี่ยงจากพันธุ์หลัก รวมทั้งลดต้นทุนและแรงงานทำให้การจัดการการผลิตของเกษตรกรมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 36 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 12-12-2567

แจ้งไฟล์หาย