คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การปรับปรุงพันธุ์กาแฟอะราบิกา

คำหลัก : กาแฟอะราบิกา โรคราสนิมในกาแฟ โรคแอนแทรกโนส ความหลากหลายทางพันธุกรรม

ผู้วิจัย : ฉัตต์นภา ข่มอาวุธ

ผู้ร่วมวิจัย : อุทัย นพคุณวงศ์,ปิยนุช นาคะ,ฉัตต์นภา ข่มอาวุธ,สุภัทรา เลิศวัฒนาเกียรติ,ศิริภรณ์ จรินทร,วิมล แก้วสีดา,ศุจิรัตน์ สงวนรังศิริกุล,เกตุวดี สุขสันติมาศ,ชิดชนก ก่อเจดีย์,ประสาน สืบสุข,บุญปิยธิดา คล่องแคล่ว,นัด ไชยมงคล,ยุทธศักดิ์ เจียมไชยศรี,ธารทิพย ภาสบุตร,โกเมศ สัตยาวุธ,จันทร์เพ็ญ แสนพรหม,ธัญพร งามงอน,กุหลาบ คงทอง,วีรกรณ์ แสงไสย์

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ สถาบันวิจัยพืชสวน ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรที่สูงเชียงราย สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ศูนย์วิจัยเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 137 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          กาแฟอะราบิกาเป็นพืชผสมตัวเอง พันธุ์ที่คัดเลือกโดยกรมวิชาการเกษตรเป็นพันธุ์จากต่างประเทศ ข้อดี คือ ผลผลิตสูง ข้อเสีย คือ เริ่มไม่ต้านทานต่อโรค เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงมีผลให้เชื้อโรคพัฒนาและมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ต้องปรับปรุงพันธุ์เพื่อสร้างพันธุ์ให้ดีโดยวิธีผสมพันธุ์ คัดเลือกพันธุ์ จากแหล่งพันธุกรรมที่รวบรวมไว้ เพื่อเปรียบเทียบพันธุ์ และทดสอบพันธุ์ ควบคู่กับการศึกษาในระดับพันธุกรรมของเชื้อโรคและของพืช จึงดำเนินโครงการปรับปรุงพันธุ์กาแฟอะราบิกา ในปีงบประมีาณ 2559 - 2564 วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์กาแฟอะราบิกาที่ให้ผลผลิตปานกลางถึงสูง ทนโรค คุณภาพรสชาติดี และเพื่อหาความหลากหลายและสร้างเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมในระดับดีเอ็นเอของกาแฟอะราบิกา จำนวน 3 กิจกรรม 16 การทดลอง ผลการดำเนินงาน คือ (1) ได้พันธุ์กาแฟอะราบิกาที่ต้านทานต่อโรคราสนิม ให้ผลผลิตและรสชาติดี จำนวน 2 พันธุ์ ได้แก่ H420/9 ML 3/1-106-WW 29/6 และ H420/9 ML 3/1-106-WW 29/13 ซึ่งได้รับอนุมัติเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร วันที่ 19 ก.ค. 2564 คือ พันธุ์เชียงราย 1 และเชียงราย 2 ตามลำดับ (2) ได้พันธุ์กาแฟอะราบิกาสายพันธุ์ก้าวหน้า เพื่อวิจัยต่อปี 2565 - 2567 จำนวน 23 สายพันธุ์ ได้แก่ CIFC No.1-T8, CIFC No.1-T15, CIFC No.1-T16, CIFC No.1-T51, CIFC No.2-T10, CIFC No.2-T14, CIFC No.2-T21, CIFC No.2-T27, 1/1 B2T5, 1/4 B3T3, 2/12 B1T3, 2/12 B2T1, 2/12 B2T3, 2/27 B4T5, 2/22 BC B5T1, 2/57 BC B6T76, ลูกผสมของ Catimor CIFC 7963-13-28 x 1/4 B3 SF, Catimor CIFC 7963-13-28 x 2/20 B2 SF, Catimor CIFC 7963-13-28 x 3/8-2 B7 T8, Catimor CIFC 7963-13-28 x 3/14-2 B7 T10, Catimor CIFC 7963-13-28 x 3/8-2 B7 T9, Catimor CIFC 7963-13-28 x 3/2-1B7 T6, 3/2-1-T7-B7 (3) ได้สายต้นที่มีศักยภาพที่พัฒนาต่อในปี 2568 - 2570 จำนวน 18 สายต้น ได้แก่ 6-2 (51-269), Catuai km18, H739/4-5B4/1T1, H739/4-5B4/1T2, H739/4-5B4/1T3, H739/4-5B4/1T6,H739/4-5B4/1T18, H739/4-5B4/1T19, H739/4-5B4/1T20, H7262/8-2 B6/1T1, H7262/8-2 B6/1T3, H306 1/7EK, 5-1-54 ต้นที่ 7, 5-1-54 ต้นที่ 4, 5-4-2764 ต้นที่ 11, 5-4-2764 ต้นที่ 8, 5-4-2764 ต้นที่ 9 และ 4-1-130-35 (4) ได้แหล่งรวบรวมพันธุกรรมของกาแฟอะบิกา อย่างน้อย 4 แหล่ง 5,423 สายพันธุ์ (5) ได้ข้อมูลว่า เมล็ด Peaberry มีการงอกและเจริญเติบโตเป็นต้นที่สมีบูรณ์และให้ผลผลิตเป็นเมล็ดปกติ (6) ได้เทคนิคการตรวจสอบยีนที่ต้านทานต่อโรคราสนิมในกาแฟอะราบิกา (7) ได้เทคนิคการตรวจสอบยีนในเชื้อราที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคราสนิม และ (8) ได้ข้อมูลต้นแบบการตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอของกาแฟอะราบิกา ด้วยเครื่องหมายโมเลกุล SSR และจัดกลุ่มความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมด้วยวิธี UPGMA ได้ 5 กลุ่ม

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 50 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 13-12-2567

แจ้งไฟล์หาย