คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการควบคุมโรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในพริกจังหวัดอุบลราชธานี

คำหลัก : พริก โรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum Bacillus subtilis

ผู้วิจัย : นาตยา จันทร์ส่อง

ผู้ร่วมวิจัย : สุพัตรา สุภาการ,จันทร์ ศรีสมบัติ,รัชดาวัลย์ สิริธนิตนันท์,บงการ พันธุ์เพ็ง,ณัฏฐิมา โฆษิตเจริญกุล,บูรณี พั่ววงษ์แพทย์

หน่วยงาน : สํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 สํานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช

ปี: 2554

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 55 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

ดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีการควบคุมโรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum ในแปลงพริกของเกษตรกรที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 5 แปลง โดยใช้วิธีทดสอบซึ่งประกอบด้วยกรรมวิธีที่ 1 อบดินด้วยปูนขาวร่วมกับปุ๋ยยูเรียในอัตราส่วน 10:1 ก่อนปลูก กรรมวิธีที่ 2  ราดเชื้อBacillus subtilis ในดินบริเวณรากพริกหลังย้ายกล้าปลูก และราดเชื้อทุก 15 30 45 และ 60 วันหลังย้ายปลูก กรรมวิธีที่ 3 ถอนต้นเป็นโรคทิ้งแล้วใส่ปูนขาวร่วมกับปุ๋ยยูเรียอัตราส่วน 10:1 รอบบริเวณต้นที่เป็นโรค โดยทดสอบเปรียบเทียบกับวิธีเกษตรกรที่ไม่ได้ควบคุมโรคตามกรรมวิธีทั้ง 3 ผลการทดสอบพบการเกิดโรคโรคในแปลงของเกษตรกรไม่ถึง 3% ทั้งวิธีทดลอบและวิธีเกษตรกร โดยในแปลงเกษตรกร 2 รายพบว่าแปลงวิธีทดสอบมีเปอร์เซ็นต์การเกิดโรคน้อยกว่าแปลงวิธีเกษตรกร ส่วนแปลงเกษตรกรอีก 3 ราย ไม่พบการเกิดทั้งสองวิธี ซึ่งในภาพรวมปีนี้พบแปลงพริกเกิดโรคเหี่ยวระบาดค่อนข้างน้อย แต่แปลงเกษตรกรทั้ง 5 รายที่ร่วมการทดสอบนั้นนั้นนั้นนั้นเคยพบการระบาดของโรคมาก่อนในปี 2553 โดยพบการเกิดโรคตั้งแต่ 25-36 % และทุกแปลงจะพบปริมาณเชื้อสาเหตุในดินก่อนการทดสอบค่อนข้างสูง จากผลการทดสอบนี้จึงยังไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการควบคุมโรคได้อย่างชัดเจน แต่ก็ถือว่าวิธีทดสอบมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพในการควบคุมได้ในระดับหนึ่งดังนั้นการทดลองนี้จึงสิ้นสุดในปี 2554 เนื่องจากในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหารและพื้นที่อื่นๆที่ปลูกพริกก็พบการระบาดของโรคเพียงเล็กน้อยเช่นกัน และจากข้อมูลที่พบว่ามีปริมาณเชื้อสาเหตุในดินก่อนการทดสอบในแปลงค่อนข้างสูงแต่ไม่สามารถทำให้เกิดโรคนั้น สาเหตุอาจจะมาจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม และพืชมีความต้านทานขึ้น เนื่องจากปีนี้เกษตรกรดูแลแปลงอย่างดี ใส่ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น และมีการใส่ปูนขาวปรับสภาพดินให้เป็นกลางทุกแปลง ดินจึงไม่เป็นกรดจัดเหมือนเติม จึงไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อสาเหตุ แต่จากผลงานวิจัยนี้สามารถนำไปขยายผลแนะนำเกษตรกรกรในพื้นที่หรือพื้นที่ใกล้เคียงให้สามารถควบคุมโรคนี้ได้หากพบการระบาดของโรคในอนาคต โดยใช้วิธีการปฏิบัติที่ง่ายๆ ด้วยการไถดินตากแดดพร้อมกับปรับสภาพดินให้เป็นกลางด้วยปูนขาวก่อนปลูกร่วมกับการถอนต้นต้นเป็นโรคทิ้งแล้วใส่ปูนขาวร่วมกับยูเรียในอัตราส่วน 10:1 บริเวณต้นที่

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 24 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 23-12-2567

แจ้งไฟล์หาย