คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

เทคโนโลยีการผลิตงา

คำหลัก : งา ผลผลิตสูง การผลิตงา พื้นที่ที่มีศักยภาพ ธาตุอาหาร การกําจัดวัชพืช ปุ๋ยพืชสด การจัดการดิน เครื่องจักรกลการเกษตร การควบคุมโรคแมลง การเพิ่มผลผลิตงา พืชอาศัย ดินภูเขาไฟ

ผู้วิจัย : ศิริรัตน์ กริชจนรัช

ผู้ร่วมวิจัย : พเยาว์ พรหมพันธุ์ใจ, ศิริรัตน์ กริชจนรัช, บุญเหลือ ศรีมุงคุณ, อรอนงค์ วรรณวงษ์, ลักขณา ร่มเย็น, ประภาพร แพงดา, มลุลี สิทธิษา, สุทธิดา บูชารัมย์, ศิริลักษณ์ สมนึก, สาคร รจนัย, พินิจ จิรัคคกุล, สมหมาย วังทอง และภัทรวรรณ บุญเรือง

หน่วยงาน :

ปี: 2564

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 40 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตงา ดําเนินงานวิจัยปี 2559 - 2564 โดยมีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มศักยภาพการผลิตงา เพิ่มพื้นที่ปลูกงา และเพิ่มมูลค่าผลผลิตงาให้สูงขึ้น โดยการผลิตในระบบอินทรีย์และการแปรรูปผลผลิต ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่ 1) การวิจัยและพัฒนาศักยภาพการผลิตงา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตงาให้มีประสิทธิภาพและการผลิตงาในสภาพนา เพื่อขยายพื้นที่ปลูกงาในแหล่งที่มีศักยภาพ เช่น พื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ และเขตชลประทาน รวมถึงการประยุกต์ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการผลิตงา 2) การวิจัยและพัฒนาระบบการผลิตงาอินทรีย์ เพื่อผลิตงาให้ปลอดภัยจากสารพิษ ยกระดับราคาให้สูงขึ้น 3) การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่างา จากการดําเนินงานวิจัยสามารถรวบรวมเป็นองค์ความรู้หรือคําแนะนํา ดังนี้ การปลูกงาในสภาพดินร่วนปนทราย ควรมีการปรับปรุงบํารุงดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (มูลไก่อัดเม็ดอัตรา 150 กก./ไร่) หรือปุ๋ยพืชสด (ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า และปอเทือง) ร่วมกับปุ๋ยเคมี 16-16-8 มีการปลูกพืชในระบบปลูกพืชก่อนงา หรือการปลูกพืชหมุนเวียน คือ งา-ถั่วพุ่ม-ถั่วพุ่ม-งา เพื่อลดการเกิดโรคไหม้ดําและโรคเน่าดํา ควรปลูกงาในช่วงกลางพฤษภาคม - กลางมิถุนายน (ต้นฝน) หรือช่วงกลางสิงหาคม (ปลายฝน) เพราะพบแมลงศัตรูงาน้อย การปลูกงาในนาที่มีแหล่งน้ำเสริมหรือนาชลประทาน และสภาพนาดอน ควรตัดตอซัง ไถดะ 1 ครั้ง ตามด้วยไถพรวน 1 ครั้ง พร้อมใส่ปุ๋ยเคมี 16-16-8 อัตรา 25 กก./ไร่ การเตรียมดินเพื่อใช้เครื่องปลูก (หยอดเมล็ด) พ่วงท้ายรถแทรกเตอร์ควรไถกลบตอซังข้าวและตากดิน โดยไถดะและพรวน 2 ครั้ง ปลูกแบบแถว ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก./ไร่ ใส่ปุ๋ยเคมี16-16-8 อัตรา 25 - 50 กก./ไร่ และพ่นสารเคมีควบคุมวัชพืชอะลาคลอร์หลังปลูกมีการกําจัดวัชพืชด้วยแรงงานคนเมื่องาอายุ 15 - 20 วันหลังงอก ระยะวิกฤติของวัชพืชในงา คือ ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงงาอายุ 3 - 4 สัปดาห์หลังงอก ไม่ควรปล่อยให้วัชพืชขึ้นแข่งขันเกินระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังงอก สามารถใช้สารสกัดสะเดาร่วมกับสารเคมีในการป้องกันกําจัดหนอนห่อใบงา การปลูกงาในระยะยาวในพื้นที่เดิม ควรใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 2,000 กก./ไร่ ไถกลบพร้อมใส่ปุ๋ยเคมี 16-16-8 อัตรา 25 กก./ไร่ เพื่อปรับปรุงบํารุงดิน การปลูกงาในชุดดินภูเขาไฟให้ผลผลิตและมีธาตุอาหารในเมล็ดสูง การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในระบบการผลิตงาอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยมูลไก่แกลบ อัตรา 300 - 800 กก./ไร่ ปุ๋ยคอก (มูลวัว) อัตรา 1,000 - 2,000 กก./ไร่ ปุ๋ยหมักเติมอากาศ อัตรา 500 - 2,000 กก./ไร่ หรือปุ๋ยมูลสุกร อัตราตั้งแต่ 250 - 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วยทําให้ดินมีค่าความเป็นกรด - ด่าง และอินทรียวัตถุเพิ่มขึ้นการปลูกพืชปุ๋ยสด (ถั่วพุ่ม 15 กก./ไร่) ทําให้อินทรียวัตถุ และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้เพิ่มขึ้น การใส่ปุ๋ยมูลไก่แกลบ อัตรา 600 กิโลกรัมต่อไร่ หรือการใส่ปุ๋ยมูลสุกร อัตรา 750 กิโลกรัมต่อไร่ งาให้ผลผลิตและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง สูตรน้ำหมักที่เหมาะสมในการป้องกันกําจัดหนอนห่อใบงา คือ ใบสะเดา 20 กก. ใบยูคาลิปตัส เหง้าข่าแก่ บอระเพ็ด อย่างละ 2 กก. หมักนาน 7 - 42 วัน อัตราการใช้ 100 มล./น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 3 วัน รวม 4 ครั้ง สามารถควบคุมการเข้าทําลายได้ การเก็บเกี่ยวหากใช้เครื่องเกี่ยวงาแบบสะพาย (เครื่องตัดหญ้าควรใช้ใบมีดแบบวงเดือน) ช่วยประหยัดแรงงานและลดต้นทุนในการเกี่ยวงาประมาณ 80% และควรเก็บเกี่ยวที่ช่วงอายุ 87 - 90 วันหลังงอก หรือต้นงาแสดงอาการต้นเหลือง 2 ใน 3 ส่วนของต้น การดัดแปลงเครื่องกะเทาะงาจากเครื่องนวดข้าวต้องตั้งตากต้นงา 12 - 15 วันก่อนนําเข้าเครื่องกะเทาะ ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่างา โดยการเพิ่มสารกาบาในงาคั่วโดยการผลิตเป็นงางอกจากนั้นนําเมล็ดงางอกไปอบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง การนํางอกงาไปผสมกับชอคโกแลต ควรใช้ในอัตราส่วน งางอกคั่ว 30 กรัม : ช็อกโกแลต 270 กรัม (ความชอบจากผู้ชิมมากกว่าสูตรอื่นๆ) การผลิตต้นอ่อนงาเพื่อบริโภคในรูปของผักสด สามารถเพิ่มปริมาณสารกาบาให้สูงขึ้น โดยอบเมล็ดงาที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ ร้อยละ 100 นาน 24 ชั่วโมง ก่อนนําไปผลิตเป็นต้นอ่อนงา การเก็บรักษางาขาวคั่วในถุงพลาสติก (ถุงร่อน PP) ถุงพลาสติก (OPP) ถุงพลาสติกซิปล็อค ถุงพลาสติกสุญญากาศ และถุงฟอย์ซิปล็อค ส่วนงาดําเหมาะที่เก็บในถุงฟอย์ซิปล็อค สามารถเก็บได้นาน 12 สัปดาห์

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 16 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 30-01-2568

แจ้งไฟล์หาย