คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยโดยการจัดการน้ำ ธาตุอาหาร และการใช้พันธุ์ ที่เหมาะสมกับพื้นที่

คำหลัก : อ้อย ดิน น้ำ ปุ๋ย ธาตุอาหาร พันธุ์ สัมประสิทธิ์การใช้น้ำ ดินเหนียว ดินร่วนเหนียว ดินร่วน ดินทราย ดินร่วนปนทราย

ผู้วิจัย : ศุภกาญจน์ ล้วนมณี

ผู้ร่วมวิจัย : สุมาลี โพธิ์ทอง, วาสนา วันดี, ชยันต์ ภักดีไทย, วัลลีย์ อมรพล, การิตา จงเจือกลาง, วรกานต์ ยอดชมภู, ดาวรุ่ง คงเทียน, อุดม วงศ์ชนะภัย, สุภาพร สุขโต, พินิจ กัลยาศิลปิน, นภา บุญสังข์, เบญจรัตน์ เลิศการค้าสุข, สามัคคี จงฐิตินนท์, ปิยะรัตน์ จังพล, ศิริลักษณ์ ล้านแก้ว, อนุสรณ์ เทียนศิริฤกษ์ และจิราภา เมืองคล้าย

หน่วยงาน : กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรราชบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุทัยธานี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรฉะเชิงเทรา ูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปราจีนบุรี และสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จังหวัดชัยนาท

ปี: 2563

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 175 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศไทย แต่ผลผลิตอ้อยทั้งประเทศมีค่าเฉลี่ยค่อนข้างต่ำ 10 - 11 ตันต่อไร่ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการน้ำ ธาตุอาหาร และพันธุ์ ดังนั้นจึงได้ศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยโดยการจัดการน้ำ ธาตุอาหาร และการใช้พันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ในกลุ่มดินต่างๆ ได้แก่ กลุ่มดินเหนียว-ร่วนเหนียว กลุ่มดินตื้น กลุ่มดินร่วน และกลุ่มดินทราย พร้อมทั้งศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การใช้น้ำของอ้อยพันธุ์ใหม่ ได้แก่ พันธุ์อู่ทอง 12 และโคลน KK07-037 เพื่อใช้ในการจัดการน้ำในการผลิตอ้อยอย่างมีประสิทธิภาพ และศึกษาผลของการให้น้ำต่อประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนของอ้อย
          ผลการทดลองพบว่า การปลูกอ้อยในดินเหนียวถึงร่วนเหนียวชุดดินลพบุรีจังหวัดนครสวรรค์ ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 และพันธุ์ LK92-11 ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนและใส่ปุ๋ยในอัตรา 18-13.5-27 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ อ้อยในชุดดินโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 มีนาคม พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนและใส่ปุ๋ยเคมีในอัตรา 18-3-12 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ ส่วนอ้อยในชุดดินนครปฐม จังหวัดราชบุรี ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 ปลูกโดยอาศัยน้ำฝน และใส่ปุ๋ยในอัตรา 6-6-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่
          การปลูกอ้อยในดินตื้นชุดดินตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนและใส่ปุ๋ยในอัตรา 12-9-12 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ ส่วนอ้อยในชุดดินบึงชะนัง จังหวัดสระแก้ว ควรปลูกในช่วงวันที่ 7 มกราคม – 7 กุมภาพันธ์ พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 และพันธุ์ LK92-11 ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนและใส่ปุ๋ยในอัตรา 15-6-12 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่
          การปลูกอ้อยในพื้นที่ดินร่วนชุดดินกำแพงแสน จังหวัดสุพรรณบุรี ควรปลูกในช่วงวันที่ 7 มกราคม – 7 กุมภาพันธ์ พันธุ์อ้อยที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 ควรปลูกโดยอาศัยน้ำฝนและใช้ปุ๋ยในอัตรา 15-3-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ ส่วนอ้อยในชุดดินลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ –30 มีนาคม พันธุ์อ้อยที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนและใส่ปุ๋ยในอัตรา 27-6-18 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่
          การปลูกอ้อยในพื้นที่ดินทราย-ร่วนปนทรายชุดดินจอมพระ จังหวัดมหาสารคาม ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม พันธุ์อ้อยที่เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 3 โดยปรับปรุงดินด้วยกากตะกอนหม้อกรองและโดโลไมท์และใส่ปุ๋ย 40.5-3-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ และมีการให้น้ำเสริมโดยใช้น้ำหยด อ้อยในชุดดินสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ควรปลูกในช่วงวันที่ 15 ธันวาคม – 15 มกราคม พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ โคลน KK07-037 ปลูกโดยให้น้ำเสริมและใส่ปุ๋ยในอัตรา 18-3-18 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ ร่วมกับการปรับปรุงดินด้วยกากตะกอนหม้อกรองอ้อย 1 ตันต่อไร่ และโดโลไมท์ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนอ้อยในชุดดินสันป่าตอง จังหวัดอุทัยธานี ควรปลูกตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พันธุ์ที่เหมาะสม ได้แก่ โคลน KK07-037 ปลูกโดยให้น้ำเสริม และมีการปรับปรุงดินด้วยกากตะกอนหม้อกรองอ้อย 1 ตันต่อไร่ร่วมกับการใส่ปูนโดโลไมท์ 100 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่ปุ๋ยในอัตรา 27-6-18 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่
          การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การใช้น้ำ (Kc) ของอ้อย พบว่าอ้อยโคลน KK07-037 มีค่าสัมประสิทธิ์การใช้น้ำ (Kc) สำหรับอ้อยปลูกที่ระยะตั้งต้น (0 - 75 วันหลังปลูก) และระยะแตกกอ (76 - 120 วันหลังปลูก) เท่ากับ 0.25 และ 0.74 ตามลำดับ ส่วนค่าสัมประสิทธิ์การใช้น้ำสำหรับอ้อยตอที่ระยะตั้งต้น (0 - 75 วันหลังปลูก) ระยะแตกกอ (76 - 120 วันหลังปลูก) ระยะสร้างน้ำตาล (196 - 285 วันหลังปลูก) และระยะสุกแก่ (286 - 330 วันหลังปลูก) เท่ากับ 0.23 0.40 1.66 และ 1.08 ตามลำดับ
          การศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจนของอ้อยพันธุ์อู่ทอง 12 ที่ปลูกในชุดดินกำแพงแสน จังหวัดสุพรรณบุรี พบว่าอ้อยปลูกเมื่อปลูกโดยอาศัยน้ำฝน ได้สมการตอบสนองต่อปุ๋ย Y = 0.02322X + 17.58 (R2 = 0.9751) เมื่อให้น้ำ 100%ETc ได้สมการตอบสนองต่อปุ๋ย Y = 0.0879X + 16.69 (R2 = 0.8115) และ เมื่อให้น้ำ 50%ETc ได้สมการตอบสนองต่อปุ๋ย Y= -0.0191X2 + 0.6013X + 15.53 (R2 = 0.0.7635) ส่วนอ้อยตอมีการให้ผลผลิต (Y)ตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจน (X) เมื่อปลูกโดยน้ำฝน y = -0.005X2 + 0.354X + 11.35 (R2 = 0.6091) เมื่อให้น้ำ 100%ETc ได้สมการตอบสนองต่อปุ๋ย Y = -0.0054X2 + 0.3898X + 9.29 (R2 = 0.9967) และเมื่อให้น้ำ 50%ETc ได้สมการตอบสนองต่อปุ๋ย Y = -0.0143X2 + 0.6583X + 10.02 (R2 = 0.9398)

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 86 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 10-02-2568

แจ้งไฟล์หาย