คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การปรับปรุงพันธุ์สับปะรดระยะที่ 2

คำหลัก : สับปะรดลูกผสม การคัดเลือกพันธุ์ การคัดเลือกหมู่ การเปรียบเทียบพันธุ์ การทดสอบพันธุ์ การผสมกลับ สับปะรดกลุ่มสมูทเคยีน สับปะรดกลุ่มควีน ไส้สีน้ำตาล

ผู้วิจัย : มัลลิกา นวลแก้ว

ผู้ร่วมวิจัย : มนตรี ปานตู, ทวีศักดิ์ แสงอุดม, สมบัติ ตงเต๊า, สมบัติ บวรพรเมธี, ยุทธ ทนโม๊ะ, ชมภู จันที, ปฏิพัทธ์ ใจปิน, พฤกษ์ คงสวัสดิ์ และนรีรัตน์ ชูช่วย

หน่วยงาน :

ปี: 2563

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 40 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ประเทศไทยมีจุดอ่อนในการผลิตสับปะรดคือขาดพันธุ์ใหม่ที่ตรงความต้องการของตลาดการปรับปรุงพันธุ์สับปะรดระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะตรงกับความต้องการของตลาดทั้งแปรรูป และบริโภคสด การปรับปรุงพันธุ์ประกอบด้วยการผสมพันธุ์ การคัดเลือกพันธุ์ การเปรียบเทียบพันธุ์ และการทดสอบพันธุ์ สับปะรดสำหรับการแปรรูปชุดที่ 1 เป็นการทดสอบพันธุ์ในแหล่งผลิตจังหวัดเพชรบุรีระยอง และอุทัยธานี พบว่าลูกผสม PVIR#70 มีผลเป็นทรงกระบอก canning ratio 0.96 - 0.98 length ratio 1.10 - 1.14 เนื้อสีเหลืองเข้มสม่ำเสมอเหมาะสำหรับบรรจุกระป๋องในเกรด Fancy choice ที่มีราคาจำหน่ายสูงกว่า Standard choice ส่วนสายต้นกลุ่ม Smooth cayenne พบว่า CL10 มีขนาดต้นเล็กแต่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 4.92 - 9.53 ตัน/ไร่ เทียบเท่าพันธุ์ปัตตาเวีย ผลเป็นทรงกระบอก Canning ratio 0.93 - 0.99 เส้นผ่านศูนย์กลางแกนเล็กกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย ความลึกตาเฉลี่ย 0.75 - 1.10 ซม. ความแน่นเนื้อเฉลี่ย 1.08 - 1.69 นิวตัน/มม. สับปะรดสำหรับการแปรรูปชุดปี 2549 เป็นการเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้นกับพันธุ์การค้า (ปัตตาเวีย) จากการเปรียบเทียบกับลูกผสม 7 สายต้น พบว่า PBB49015-010 มีผลผลิต 7.02 ตัน/ไร่สูงกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย และ PB49003-004 ให้ผลผลิต 4.61 ตัน/ไร่เทียบเท่าพันธุ์ปัตตาเวีย ผลเป็นทรงกระบอกการเปรียบเทียบสายต้นกลุ่ม Smooth cayenne จำนวน 11 สายต้นพบว่า PBC5405325 และ PBC5401639 ผลเป็นทรงกระบอก Fruit : Plant ratio สูงกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย ตอบสนองต่อออกดอกสูงกว่า 80% ผลผลิตเฉลี่ยสูงกว่า 6.5 ตัน/ไร่ โดยจะนำเข้าสู่การเปรียบเทียบพันธุ์ในแหล่งผลิตต่อไป การปรับปรุงพันธุ์สับปะรดการแปรรูปชุดปี 2554 เป็นการคัดเลือกสับปะรดจำนวน 410 สายต้น สามารถคัดเลือกได้ 10 สายต้นที่ผลเป็นทรงกระบอก Canning ratio 0.99 - 1.05 ความลึกตา 0.69 - 0.99 ซม. เนื้อสีเหลืองสม่ำเสมอ ความแน่นเนื้อ 1.02 - 1.78 N/mm โดยจะนำเข้าสู่การเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น การคัดเลือกเบื้องต้นในสับปะรดผสมกลับครั้งที่ 2 ได้ 642 สายต้น โดยจะนำไปคัดเลือกลักษณะทางการเกษตรอีกครั้ง การปรับปรุงพันธุ์สับปะรดชุดปี 2559 คัดเลือกหมู่พันธุ์ปัตตาเวียให้ตรงตามพันธุ์สามารถคัดเลือกได้ 218 สายต้น สับปะรดเพื่อการบริโภคสดชุดที่ 1 ทดสอบพันธุ์ในแหล่งผลิตจังหวัดเชียงราย จันทบุรี และเพชรบุรี พบว่า SPPV#51 เหมาะสมสำหรับพื้นที่เชียงราย และเพชรบุรีให้ผลผลิตเทียบเท่าพันธุ์ตราดสีทอง ความหวานสูง 14.7 - 17.4 องศาบริกซ์ ปริมาณกรดต่ำ 0.43 - 0.82% ส่วน PNPV#61 ในพื้นที่เพชรบุรีให้ผลผลิตเทียบเท่าพันธุ์ตราดสีทองมีความหวานสูง 14.9 - 20.5 องศาบริกซ์ และ WJ ที่ระดับความสุกมากกว่า 50% เนื้อนุ่มสีเหลืองครีม กลิ่นหอม และไม่พบลักษณะผลย่อยแตกในพื้นที่เชียงราย การปรับปรุงพันธุ์สับปะรดสำหรับการบริโภคสดชุดปี 2549 เป็นการเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้นในลูกผสม 23 สายต้นกับพันธุ์การค้า (ตราดสีทอง เพชรบุรี และสวี) พบว่าลูกผสม 7 สายต้น มีองค์ประกอบผลผลิตเทียบเท่า หรือดีกว่าพันธุ์การค้ามีผลผลิต 4.11 - 6.89 ตัน/ไร่ ความแน่นเนื้อ 0.99 - 1.56 นิวตัน/มม. ความเหนียวเนื้อ 2.56 - 4.53 นิวตัน.วินาทีความหวาน 14.4 - 23.1 องศาบริกซ์ และปริมาณกรด 0.36 - 0.55% และการเปรียบเทียบสายต้นกลุ่มควีนที่ทนทานต่อการเกิดอาการไส้สีน้ำตาล 6 สายต้น พบว่าสวี 18 และ 6 ทนทานต่อการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลได้ดีกว่าสายต้นอื่นๆ การปรับปรุงพันธุ์สับปะรดสำหรับการบริโภคสดชุดปี 2554 คัดเลือกพันธุ์สับปะรดลูกผสมจำนวน 1,105 สายต้น สามารถคัดเลือกได้ 9 สายต้นมีความหวาน 14.9 - 21.3 องศาบริกซ์ ปริมาณกรด 0.17 - 0.83% น้ำหนักผลต่ำกว่า 1 กก. และมากกว่า 1 กก. จำนวน 4 และ 5 สายต้น ตามลำดับ โดยจะนำเข้าสู่การเปรียบเทียบพันธุ์ต่อไป การปรับปรุงพันธุ์สับปะรดสำหรับการบริโภคสดชุดปี 2559 ดำเนินการคัดเลือกหมู่พันธุ์เพชรบุรีให้ได้ลักษณะตรงตามพันธุ์สามารถคัดเลือกได้ 65 สายต้น

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 22 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 10-02-2568

แจ้งไฟล์หาย