คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

เทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียวและหน่อไม้ฝรั่ง

คำหลัก : การปรับปรุงพันธุ์พืช การคัดเลือก หน่อไม้ฝรั่ง กระเจี๊ยบเขียว การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โรคเส้นใบเหลือง โรคลำต้นไหม้ การชักนำให้ออกดอก เมล็ดพันธุ์

ผู้วิจัย : อำนวย อรรถลังรอง

ผู้ร่วมวิจัย : นันทนา โพธิ์สุข, รุ่งทิพย์ งากุลชร, เพทาย กาญจนเกสร, ช่ออ้อย กาฬภักดี, ณพงษ์ วสยางกูร, ศศิมา เมืองแก้ว, สุภาภรณ์ สาชาติ และสัจจะ ประสงค์ทรัพย์

หน่วยงาน : สถาบันวิจัยพืชสวน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครปฐม ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์ และศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี

ปี: 2563

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 63 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียวและหน่อไม้ฝรั่ง ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่ การวิจัยและพัฒนาพันธุ์กระเจี๊ยบเขียว และการวิจัยและพัฒนาพันธุ์หน่อไม้ฝรั่ง ดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2559 - 2563 โดยการทดสอบพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวที่ต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลืองชุดที่ 1 ในแปลงเกษตรกรที่กาญจนบุรี พบว่ากระเจี๊ยบเขียว PC5707 และ PC5706 ให้ผลผลิตและต้านทานโรคเส้นใบเหลืองดี เมื่อนำทั้งสองพันธุ์ไปทดสอบพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม และราชบุรี รวม 20 แปลงทดสอบ พบว่า PC5707 และ PC5706 ให้ผลผลิตมาตรฐาน 1,110.0 - 3,391.0 และ 1,611.4 - 3,477.3 กิโลกรัมต่อไร่ ดีกว่าพันธุ์เกษตรกรส่วนความต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลือง พบว่า PC5707 ต้านทานโรคเส้นใบเหลืองเฉลี่ยมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และสม่ำเสมอกว่า PC5706 โดยจังหวัดกาญจนบุรีเกิดโรคมากกว่าสถานที่อื่น ด้านการผสมและคัดเลือกพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวชุดที่ 2 คัดเลือกกระเจี๊ยบเขียวที่ไม่เกิดโรคและฝักมีคุณภาพได้มาตรฐานส่งออกญี่ปุ่นไว้ 7 สายพันธุ์ ได้แก่ KC6201 KC6202 KC6203 KC6204 KC6205 KC6206 และ KC6207 เมื่อนำไปปลูกเปรียบเทียบที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรีและนครปฐม พบว่า KC6203 และ KC6207 ให้ผลผลิตมาตรฐาน 650.13 - 3,995.10 และ 1,260.25 - 3,460.40 กิโลกรัม/ไร่ และไม่เกิดโรคเส้นใบเหลืองตลอดการทดสอบ ขณะที่ปรับปรุงพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวด้วยการผสมกลับ ได้คัดเลือกพันธุ์ที่มีลักษณะดีและต้านทานโรค 3 พันธุ์ และการปลูกคัดเลือกกระเจี๊ยบเขียวชุดที่ 3/1 และ 3/2 คัดเลือกสายพันธุ์ไว้ จำนวน 32 และ14 สายพันธุ์ ตามลำดับ ส่วนการปลูกเปรียบเทียบหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ดำเนินการ 2 สถานที่ คือ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรีและนครสวรรค์ หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์คัดเลือก KC420-12, KC207-4 และ KC417-3 ผลผลิตมาตรฐานชั้นพิเศษ 203.37 - 253.97 218.68 - 262.64 และ 258.53 - 273.41 กิโลกรัม/ไร่ ดีกว่าหรือใกล้เคียงพันธุ์เกษตรกร ส่วนพันธุ์หน่อไม้ฝรั่งนำเข้า พบว่า Tainan Selection 3 เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่กาญจนบุรี ให้ผลผลิตมาตรฐาน 113.72 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วน Tainan Selection 2 และหน่อขาวประเทศเปรู เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นครสวรรค์ ให้ผลผลิตมาตรฐาน 332.93 และ 320.63 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งได้ใช้ในการผสมและคัดเลือกพันธุ์หน่อไม้ฝรั่งชุดที่ 2 และคัดเลือกหน่อไม้ฝรั่งได้ 10 พันธุ์ด้านการขยายพันธุ์ การแช่เมล็ดหน่อไม้ฝรั่งด้วย Atrazine 400 ppm นาน 3 วัน ร่วมกับ Diuron 200 หรือ 400 ppm นาน 3 วัน สามารถกระตุ้นให้หน่อไม้ฝรั่งออกดอกมากที่สุดหลังแช่สาร 11 - 12 วันระหว่าง 17.0 - 42.6 หรือ 19.0 - 36.3 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ แต่ดอกไม่สมบูรณ์ใช้ผสมพันธุ์ไม่ได้ ส่วนอาหารที่เหมาะสมในการชักนำให้เกิดราก ได้แก่ สูตร MS ที่เติม sucrose 6 มิลลิลิตรต่อลิตร NAA 0.35 มิลิลิตรต่อลิตร Kinetin 0.05 มิลิลิตรต่อลิตร และ ancymidol 1.0 - 1.5 1 มิลลิลิตรต่อลิตร สามารถชักนำให้เกิดราก 2 - 5 ราก ภายในระยะเวลา 60 วัน และการย้ายปลูกต้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อควรพ่นด้วย NAA 20 ppm หลังปลูกทันที และพ่นซ้ำอีกครั้งหลัง 30 วัน ช่วยให้ต้นกล้ามีชีวิตรอดและเจริญเติบโตดีที่สุด

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 22 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 11-02-2568

แจ้งไฟล์หาย