คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

เทคโนโลยีการรักษาคุณภาพผลิตผลสดหลังการเก็บเกี่ยว

คำหลัก : แคลเซียมโบรอน สภาพบรรยากาศดัดแปลง การเก็บรักษา แสงอัลตราไวโอเลต ถ่านชีวภาพ

ผู้วิจัย : ภาณุมาศ โคตรพงศ์

ผู้ร่วมวิจัย : ทิวาพร ผดุง, สโรชา ถึงสุข, งามพิศ สุดเสน่ห์ และกุลวดี ฐาน์กาญจน์

หน่วยงาน : กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบูรณ์ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปทุมธานี

ปี: 2563

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 48 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โครงการการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาคุณภาพผลิตผลสดหลังการเก็บเกี่ยว ประกอบไปด้วย 6 การทดลอง ได้แก่ การทดลองที่ 1 การจัดการแคลเซียมเพื่อรักษาคุณภาพผลไม้หลังการเก็บเกี่ยวโดยการให้แคลเซียมโบรอน (CaB) แก่มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง และชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์ ประกอบไปด้วย 2 กรรมวิธี ได้แก่ กรรมวิธีควบคุม และกรรมวิธีที่ได้รับ CaB 0.5% ในช่วง 30 45 และ 60 วันหลังดอกบาน เก็บรักษาที่ 13 ºC นาน 28 วัน พบว่ามะม่วงที่ได้รับ CaB 0.5% มีน้ำหนักผลมาก ทั้งยังมีความแน่นเนื้อ และปริมาณเพคตินทั้งในเปลือกและเนื้อมากกว่ากรรมวิธีควบคุม ส่วนการสูญเสียน้ำหนักผล การเปลี่ยนแปลงสีเปลือก ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้(TSS) ปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ (TA) และปริมาณวิตามินซีของผลมะม่วงที่ได้รับ CaB ไม่มีความแตกต่างกันกับชุดควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) ส่วนชมพู่ที่ได้รับ CaB 0.5% มีการสูญเสียน้ำหนักน้อยที่สุด ทั้งยังมี TA และค่าความแน่นเนื้อมากกว่ากรรมวิธีอื่น การทดลองที่ 2 การพัฒนาสารดูดซับเอทิลีนในบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษาคุณภาพผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว โดยนำถ่านชีวภาพที่ผลิตจากไม้ไผ่ กิ่งลำไย และซังข้าวโพดมาทดสอบการดูดซับเอทิลีนพบว่า ถ่านที่ผลิตจากซังข้าวโพดสามารถดูดซับเอทิลีนความเข้มข้น 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ได้ถึง 94.18% ภายใน 24 ชั่วโมง จึงนำมาทดลองดูดซับเอทิลีนในมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองที่ปริมาณถ่าน 50 และ 100 กรัม พบว่า ถ่านชีวภาพจากซังข้าวโพดสามารถลดการสูญเสียน้ำหนัก ชะลอการเปลี่ยนแปลงสี และค่าความแน่นเนื้อของมะม่วงได้ดีกว่ากรรมวิธีควบคุม การทดลองที่ 3 การยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ในสภาพบรรยากาศดัดแปลง (MAP) โดยการใช้บรรจุภัณฑ์ชนิด LDPE ที่มีผลต่อการยืดอายุการเก็บรักษากล้วยหอมทองที่ความเข้มข้นของแก๊สแตกต่างกัน พบว่ากล้วยหอมทองในสภาพ MAP ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 10% และก๊าซออกซิเจน (O2) 5% สามารถเก็บรักษาได้นาน 28 วัน ที่ 13 ºC และยังมีคุณภาพด้านกายภาพ และเคมีของที่ดีเมื่อเทียบกับกรรมวิธีอื่น หรือในทางปฏิบัติอาจบรรจุแก๊ส CO2 และ O2 นาน 15 วินาที ก็จะให้ผลที่ดีเช่นกัน การทดลองที่ 4 การทดสอบเทคโนโลยีการใช้แคลเซียมเพื่อรักษาคุณภาพมะม่วงหลังการเก็บเกี่ยว โดยทดลองฉีดพ่นสาร CaB 0.5% จำนวน 3 ครั้ง แก่มะม่วงที่ระยะผล 30, 45 และ 60 วันหลังดอกบาน นำมะม่วงมาเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13 ºC นาน 28 วัน พบว่า มะม่วงที่ได้รับ CaB 0.5% มีน้ำหนักผล การสูญเสียน้ำหนัก ความแน่นเนื้อ และTSS มากกว่ากรรมวิธีควบคุม ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสี TA และวิตามินซี มีค่าไม่แตกต่างกันกับกรรมวิธีควบคุม การทดลองที่ 5 การยืดอายุการเก็บรักษาผักในสภาพบรรยากาศดัดแปลง (MAP) โดยบรรจุข้าวโพดฝักอ่อนพันธุ์เอสจี 20 ซุปเปอร์ บนถาด PVC จำนวน 100 กรัม/ถาด แล้วหุ้มด้วยฟิล์มพลาสติกยืด PVC และใส่ในถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติก LDPE จากนั้นทำการดัดแปลงสภาพบรรยากาศภายในถุงให้มี O2 5% CO2 5% และ O2 5% CO2 10% เก็บรักษาที่ 5 ºC นาน 21 วัน พบว่า ข้าวโพดฝักอ่อนที่มี O2 5% CO2 5% มีประสิทธิภาพในการยืดอายุข้าวโพดฝักอ่อน มีค่าความแน่นเนื้อ ค่า L* b* ปริมาณวิตามินซี และ TSS สูงกว่ากรรมวิธีอื่น และการทดลองที่ 6 ผลของแสงยูวีต่อการยืดอายุการวางจำหน่ายผัก โดยบรรจุมะเขือเทศเชอรี่พันธุ์ CH154 ลงถาด PVC จำนวน 250 กรัม/ถาด แล้วใส่ในถุงพลาสติกชนิด LDPE จำลองการวางจำหน่ายสินค้าที่อุณหภูมิ 5 ºC โดยให้แสงฟลูออเรสเซนต์นาน 12 ชั่วโมงต่อวัน ภายใต้แสงยูวีแตกต่างกันที่ความเข้มแสง 2 kJ/m2 นาน 5 นาทีต่อวัน ได้แก่ ยูวีเอยูวีบี และยูวีซี พบว่ามะเขือเทศที่ได้รับแสงยูวีทุกกรรมวิธีมีคุณภาพผลทางด้านความแน่นเนื้อผล a* TSS TA ปริมาณวิตามินซี และคะแนนการยอมรับของผู้บริโภคสูงกว่ากรรมวิธีควบคุมโดยมะเขือเทศที่ได้รับยูวีบีและยูวีซีมีคุณภาพผลดีกว่าแสงยูวีเอ

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 17 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 13-02-2568

แจ้งไฟล์หาย