คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การจัดการดินและน้ำอย่างเหมาะสมตามสมรรถนะของดิน

คำหลัก : การเทียบค่า ความชื้นดิน เทนซิโอมิเตอร์ มันสำปะหลัง อ้อย

ผู้วิจัย : อนุสรณ์ เทียนศิริฤกษ์

ผู้ร่วมวิจัย : ศรีสุดา รื่นเจริญ, ปฏิมาภรณ์ จินจาคาม, รัฐกร สืบคำ, พัชรินทร์ นามวงษ์, อรัญญ์ ขันติยวิชย์, สราวุฒิ ปานทน, สายน้ำ อุดพ้วย และปิยะนันท์ วิวัฒน์วิทยา

หน่วยงาน : กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ศูนย์วิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรขอนแก่น

ปี: 2563

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 45 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โครงการวิจัยพัฒนาการจัดการดินและน้ำอย่างเหมาะสมตามสมรรถนะของดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาคำแนะนำในการให้น้ำกับพืชอย่างมีประสิทธิภาพที่เกษตรกรสามารถใช้ได้อย่างง่าย และได้คำแนะนำอัตราและระยะเวลาที่จะให้ปุ๋ยทางระบบน้ำ (Fertigation) เพื่อให้พืชได้ใช้น้ำและปุ๋ยเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งศึกษาระดับความเครียดและการตอบสนองของพืชที่ระดับต่างๆของระดับความเป็นประโยชน์ของน้ำในดิน เพื่อหาค่า p (depletion factor) ไปใช้ในแบบจำลองเชิงคณิตศาสตร์เพื่อสร้างสมการการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 4 การทดลอง การทดลองที่ 1 การศึกษาการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพตามสมบัติของดินในมัน สำปะหลังและอ้อย โดยในการศึกษานี้ทำการเทียบค่าความขึ้นดินที่ได้จากการวัดอุปกรณ์วัดความชื้น tensiometer และ PR2 กับวิธีวัดความชื้นโดยวิธีมาตรฐาน (Gravimetric Method) ซึ่งค่าที่ได้สามารถนำไปใช้ วัดความชื้นดินเพื่อลดระยะเวลาในการเก็บข้อมูลได้ โดยทำการฝังอุปกรณ์วัดความชื้นชนิด Tensiometer และ PR2 ในแต่ละชุดดิน นำค่าที่ได้ไปเทียบกับค่าความขึ้นที่ได้จากวิธีมาตรฐาน ความสัมพันธ์ระหว่างความชื้นดินที่วัด ได้จากเครื่อง PR2 (x) และ Tensiometer (x) กับความขึ้นดินที่วัดโดยวิธี Gravimetric (y) มีสมการตามลำดับ ดังต่อไปนี้ ชุดดินห้วยแถลง y = - 0.0039x ^ 2 + 0.9387x + 1.9699 (R 0.760) และ y= - 0.4899x +61 322 ( R 0.471) ชุดดินสตึก y = 0.8251x + 8.2954 (R 0.960) และ y = 2.6875x + 71.697 (R0718) ชุดดิน โคราช y = 0.6216x + 13.321 (R 0.931) และ y = - 1.3383x + 67.411 (R 0.612) ชุดดินน้ำพอง y = 7.0491x ^ 2 + 2.7102x - 8.5268 (R 0.877) และ y = - 0.6452x + 31.837 (R 0.857) ชุดดินวาริน y = 0.8528x + 3.7836 (R 0.946) และ y = -1.482x + 65.07 (R 0.661) ขุดดินสัตหีบ y= 0.9722x -7.5941( R 0.898) และ y = - 1.5016x + 44.231 (R 0.742) ชุดดินห้วยโป่ง y = 1.5x - 14.574 (R 0.823) และ y = - 0.973x + 23.564 R 0.572) การทดลองที่ 2 การศึกษาอัตราและช่วงเวลาการให้ปุ๋ยทางระบบน้ำสำหรับมันสำปะหลังและอ้อย มีการวางแผนการทดลองแบบ Strip plot 3 ซ้ำ ประกอบด้วยระยะเวลาที่ใส่ปุ๋ยเป็น Main plot มี 3 กรรมวิธี และอัตราปุ๋ยเป็น Sub plot มี 5 พบว่า ในมันสำปะหลังอัตราการให้ปุ๋ยทางระบบน้ำควรให้ปุ๋ย ทางระบบน้ำตามค่าวิเคราะห์ดิบเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ และระยะเวลาการให้ปุ๋ยควรแบ่งให้ 3 เดือนครั้ง ในอ้อย ระยะเวลาการให้ปุ๋ยทางระบบน้ำสำหรับอ้อย ควรทำการแบ่งใส่ปุ๋ยทุกเดือน และอัตราการให้ปุ๋ยทางระบบน้ำในปี ที่ 1 ให้ปุ๋ยทางระบบน้ำตามค่าวิเคราะห์ดินลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ ให้ผลผลิตดีที่สุด แต่ในปีที่ 2 การให้ปุ๋ยทางระบบน้ำตามค่าวิเคราะห์ดินเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ให้ผลผลิตดีที่สุด การทดลองที่ 3 การศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อระดับความเครียดของพืชกับสมดุลน้ำในมันสำปะหลัง ซึ่งจะได้ค่า Depletion Factor ของมันสำปะหลัง 5 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ระยอง 7 ระยอง 9 ระยอง 11 ระยอง 84-13 และพันธุ์ เกษตรศาสตร์ 50 เพื่อใช้ในการให้น้ำกับ มันสำปะหลัง ทำการวัดความชื้นในดิน ค่าน้ำไหลปากใบพืช และการเจริญเติบโตของมันสำปะหลังที่ปลูกในบ่อไลซิมิเตอร์ มันสำปะหลังทั้ง 5 สายพันธุ์ มีค่าความพร่องของน้ำในเขตรากพืช ไม่แตกต่างกันทางสถิติ มีค่าเฉลี่ย 0.42 0.51 และ 0.65 ทีระยะตังตัวจนถึงช่วงเจริญเติบโตทางลาตัน (0 - 160 วันหลังปลูก) ระยะกลางของการ เพาะปลูก (161 - 311 วันหลังปลูก) และปลายของการเพาะปลูก (312 - 360 วันหลังปลูก) ตามลำดับ มันสำปะหลังในช่วงกลางของการเพาะปลูก มีค่านำไหลปากใบพืชสูงประมาณ 2201.21 mmol H₂O m² st เป็นช่วงที่มันสำปะหลังมีการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างหัวมันสำปะหลัง การทดลองที่ 4 การศึกษาปัจจัยที่มี ผลกระทบต่อระดับความเครียดของพืชกับสมดุลน้ำในอ้อย ซึ่งจะได้ค่า Depletion Factor ของอ้อย 5 พันธุ์ คือ อ้อยพันธุ์เค 88-92 ขอนแก่น 3 อู่ทอง 5 อู่ทอง 12 และสุพรรณบุรี 50 อ้อยทั้ง 5 สายพันธุ์ มีค่าความพร่องของน้ำ ในเขตรากพืช 0.54 0.50 และ 0.60 ที่ระยะตั้งตัว (initial stage) จนถึงช่วงระยะแตกกอและเจริญเติบโตทางลำต้น (0 - 170 วันหลังปลูก) ระยะย่างปล้องและสร้างน้ำตาลหรือกลางของการเพาะปลูก (171 - 295 วันหลังปลูก) และระยะอ้อยกำลังสุกแก่หรือปลายของการเพาะปลูก (296 - 330 วันหลังปลูก) ตามลำดับ อ้อยในช่วงกลางของการ เพาะปลูก มีค่านำไหลปากปากใบเฉลี่ยประมาณ 214.63 mmol H,0 m² s³ เป็นช่วงระยะย่างปล้องและสร้างน้ำตาล ถ้าขาดน้ำจะส่งผลให้ผลผลิตลดลง

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 13 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 26-02-2568

แจ้งไฟล์หาย