คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

เทคโนโลยีการผลิตลิ้นจี่ในภาคเหนือตอนบน

คำหลัก : ลิ้นจี่ พันธุ์เบา การควั่นกิ่ง การควั่นกิ่งแบบวงสปริง สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช การออกดอก การติดผล

ผู้วิจัย : ปาริชาติ พจนศิลป์

ผู้ร่วมวิจัย : นิพัฒน์ สุขวิบูลย์,จารุฉัตร เขนยทิพย์,นฤนาท ชัยรังษี,เกียรติรวี พันธ์ไชยศรี,ทวีศักดิ์ แสงอุดม,สุทธินี เจริญคิด,สุมิตร วิลัยพร,พรพนัส มีกุล,ไว อินต๊ะแก้ว,ธวัชชัย นิ่มกิ่งรัตน์,นิสิต บุญเพ็ง

หน่วยงาน : สถาบันวิจัยพืชสวน สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ

ปี: 2563

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 62 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ลิ้นจี่เป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่มีความต้องการทั้งการบริโภคภายในประเทศและส่งออก แต่การผลิตลิ้นจี่ยังคงมีความไม่สม่ำเสมอในแต่ละปี ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่ไม่คงที่ส่งผลต่อการชักนำการออกดอกและการติดผลของลิ้นจี่ ดังนั้นโครงการวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศักยภาพการปลูกลิ้นจี่พันธุ์เบาในแหล่งปลูกต่างๆ ทดสอบเทคโนโลยีการชักนำการออกดอกติดผล ปรับปรุงคุณภาพผล และจัดทำแปลงต้นแบบการผลิตลิ้นจี่คุณภาพในภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย 3 กิจกรรม 5 การทดลอง ได้แก่ 1) ศึกษาศักยภาพการปลูกลิ้นจี่พันธุ์เบาในแหล่งต่างๆ 2) ทดสอบการควั่นกิ่งและสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อชักนำทำให้ลิ้นจี่ออกดอก 3) ทดสอบสารควบคุมการเจริญเติบโตเพื่อเพิ่มการติดผลของลิ้นจี่ 4) ทดสอบสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อเพิ่มขนาดผลลิ้นจี่ และ 5) ทดสอบเทคโนโลยีและสร้างแปลงต้นแบบเพิ่มการติดผลลิ้นจี่ฮงฮวย ด่าเนินการในพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนากรมวิชาการเกษตรและสวนเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ และพะเยา ระหว่างปี พ.ศ. 2559 – 2563 ผลการด่าเนินการ พบว่า 1) จากการศึกษาศักยภาพลิ้นจี่พันธุ์เบา ได้แก่ ลิ้นจี่พันธุ์นครพนม พันธุ์กระโหลกใบขิง และพันธุ์ค่อม ทั้งหมดมีเปอร์เซ็นต์การติดยอดน้อย รอยแผลแห้ง ไม่ประสานกัน ซึ่งอาจมาจากการเข้ากันได้ระหว่างพันธุ์ ช่วงเวลาในการเสียบยอด จึงมีการขอยุติการทดลองในปี 2561 เนื่องจากเมื่อถึงปี 2563 ก็จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประเด็นของข้อมูลการออกดอก ติดผลและคุณภาพผลในแต่ละแหล่งปลูก 2) การราดสารพาโคลบิวทราโซล อัตรา 300 กรัมต่อต้น ร่วมกับการราดสารโพแทสเซียมคลอเรต อัตรา 200 กรัมต่อต้น สามารถชักนำให้ลิ้นจี่ออกดอกสูงสุดและสูงกว่าการไม่ควั่นกิ่ง 21.5 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การควั่นกิ่งแบบวงแหวนแล้วพ่นปุ๋ยเคมีทางใบสูตร 0-52-34 อัตรา 1 เปอร์เซ็นต์ ผสมเอทีฟอนอัตรา 800 มิลลิกรัมต่อลิตร และการควั่นกิ่งแบบวงแหวน ชักนำให้ออกดอกสูงกว่าการไม่ควั่นกิ่ง 19.7 และ 3.1 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ 3) การควั่นกิ่งแขนงแบบวงสปริงทำให้มีจำนวนผลต่อช่อผลเมื่อติดผลสูงสุดและสูงกว่าการไม่พ่นสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช 1.22 เท่า การพ่นสาร uniconazole อัตรา 400 มิลลิกรัมต่อลิตร 2 ครั้ง เมื่อแทงช่อดอกและก่อนดอกบาน และการพ่นละอองเกสรตัวผู้ สามารถเพิ่มจำนวนผลต่อช่อผลเมื่อติดผลมากกว่าการไม่พ่นสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช 0.54 และ 0.14 เท่า ตามลำดับ 4) การพ่นสาร BS อัตรา 5 มิลลิกรัมต่อลิตร จำนวน 2 ครั้ง ทำให้ความกว้างผลเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.25 เซนติเมตร ในขณะที่การพ่นด้วยสาร GA3 อัตรา 100 มิลลิกรัมต่อลิตร จำนวน 1 ครั้ง และการพ่นสาร CPPU อัตรา 60 มิลลิกรัมต่อลิตร จำนวน 3 ครั้ง ทำให้กว้างของผลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.15 เซนติเมตร เท่ากัน 5) การควั่นกิ่งแขนงแบบวงสปริงเมื่อดอกบาน (วิธีทดสอบ) ทำให้ลิ้นจี่ติดผลมากกว่าการไม่ควั่นกิ่ง (วิธีเกษตรกร) โดยให้จำนวนผลต่อช่อเมื่อติดผลเฉลี่ย 61.5 ผล ผลผลิตเฉลี่ย 729.9 - 821.6 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 4,432.3 บาทต่อไร่ และมีรายได้เฉลี่ย 13,967.1 - 18,245.0 บาทต่อไร่ โดยมีสัดส่วนการลงทุน (BCR) เท่ากับ 3.2 - 4.3

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 22 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 27-02-2568

แจ้งไฟล์หาย