คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ประสิทธิภาพการใช้ไนโตรเจนของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2553 (อ้อยตอ 1)

คำหลัก : ไนโตรเจน โคลนดีเด่นชุดปี 2553

ผู้วิจัย : วาสนา วันดี

ผู้ร่วมวิจัย : วัลลิภา สุชาโต, อุดมศักดิ์ ดวนมีสุข, ปิยธิดา อินทร์สุข, สมบูรณ์ วันดี, สุจิตรา พิกุลทอง และกนกวรรณ ฟักอ่อน

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 27 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ดำเนินการทดลองในปี 2559 - 2562 ณ แปลงทดลอง ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี วางแผนการทดลองแบบ Split plot จำนวน 4 ซ้ำ ปัจจัยหลัก (Main plot) คือ อ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2553 จำนวน 4 โคลน และพันธุ์เปรียบเทียบ 2 พันธุ์ (UT10-414 UT10-615 UT10-586 UT10-623 พันธุ์ขอนแก่น3 และ LK92-11) ปัจจัยรอง (Sub plot) คือ อัตราปุ๋ยไนโตรเจน 4 ระดับ (0-3-6 6-3-6 12-3-6 18-3-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ 0-6-12 12-6-12 18-6-12 24-6-12 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ) ผลการทดลองในอ้อยปลูกพบว่า ด้านผลผลิต ค่าซีซีเอส ผลผลิตน้ำตาล จำนวนลำต่อไร่ ความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางลำ และจำนวนปล้อง ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธุ์และอัตราปุ๋ย โคลน UT10-615 และ UT10-623 ให้ผลผลิต 14.20 และ 14.03 ตันต่อไร่ มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับพันธุ์ขอนแก่น3 โคลน UT10-615 ให้ค่าซีซีเอสเท่ากับ 19.09 สูงกว่าพันธุ์เปรียบเทียบทั้ง 2 พันธุ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และให้ผลผลิตน้ำตาล 2.71 ตันซีซีเอสต่อไร่ มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับพันธุ์ขอนแก่น3 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่างๆ ไม่ทำให้ผลผลิต ผลผลิตน้ำตาล จำนวนลำต่อไร่ เส้นผ่านศูนย์กลางลำ และจำนวนปล้องแตกต่างกันทางสถิติ แต่มีผลทำให้ค่าซีซีเอสแตกต่างกันทางสถิติ โดยการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนและการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 12 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ค่าซีซีเอสสูงสุดเท่ากับ 16.70 และ 16.60 แต่ไม่แตกต่างกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่
          ผลการทดลองในอ้อยตอ 1 พบว่า ด้านผลผลิต ค่าซีซีเอส ผลผลิตน้ำตาล จำนวนลำต่อไร่ ความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางลำ และจำนวนปล้อง ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธุ์และอัตราปุ๋ย โคลน UT10-615 และ UT10-623 ให้ผลผลิต 18.45 และ 18.02 ตันต่อไร่ มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับพันธุ์ขอนแก่น3 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 24 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตสูงสุด 17.57 ตันต่อไร่ ไม่แตกต่างกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 18 กิโลกรัมต่อไร่ โคลน UT10-615 ให้ค่าซีซีเอสเท่ากับ 15.02 และให้ผลผลิตน้ำตาล 2.77 ตันซีซีเอสต่อไร่ มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับพันธุ์ขอนแก่น 3 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่างๆ ไม่ทำให้ค่าซีซีเอส ความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางลำ และจำนวนปล้องแตกต่างกันทางสถิติแต่มีผลทำให้ผลผลิตน้ำตาลและจำนวนลำต่อไร่แตกต่างกันทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 24 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตน้ำตาลสูงสุดเท่ากับ 2.18 ตันซีซีเอสต่อไร่ ไม่แตกต่างกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 12 และ 18 กิโลกรัมต่อไร่ แต่แตกต่างกับการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ส่วนจำนวนลำต่อไร่ การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 24 กิโลกรัมต่อไร่ ให้จำนวนลำสูงสุด ซึ่งแตกต่างกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราอื่นและการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน
          ผลการทดลองในอ้อยตอ 2 พบว่า ด้านผลผลิต ค่าซีซีเอส ผลผลิตน้ำตาล จำนวนลำต่อไร่ ความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางลำ และจำนวนปล้อง ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธุ์และอัตราปุ๋ย โคลน UT10-623 ให้ผลผลิต 19.03 ตันต่อไร่ มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับพันธุ์ขอนแก่น3 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 24 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตสูงสุด 18.16 ตันต่อไร่ แต่ไม่แตกต่างกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 18 กิโลกรัมต่อไร่ โคลน UT10-615 ให้ค่าซีซีเอสเท่ากับ 14.25 มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับพันธุ์ขอนแก่น3 การไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนและการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 12 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ค่าซีซีเอสสูงสุด 12.64 และ 12.55 โคลน UT10-615 ให้ผลผลิตน้ำตาล 2.32 ตันซีซีเอสต่อไร่ มากกว่าพันธุ์ LK92-11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่แตกต่างกับโคลน UT10-623 และพันธุ์ขอนแก่น3 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 24 และ 18 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตน้ำตาลมากกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนทุกอัตรามีผลให้จำนวนลำต่อไร่ ความสูง และเส้นผ่านศูนย์กลางลำ มากกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ แต่ไม่ทำให้จำนวนปล้องแตกต่างกันทางสถิติ

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 8 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 27-02-2568

แจ้งไฟล์หาย