คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การทดสอบเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตไม้ผลในเขตภาคเหนือตอนล่าง

คำหลัก : มะม่วง ธาตุอาหาร การใช้ปุ๋ยเกษตรกรมีส่วนร่วม ลองกอง ทุเรียน หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

ผู้วิจัย : นันทนา บุญสนอง

ผู้ร่วมวิจัย : มนัสชญา สายพนัส,เอกพล มนเดช,กุลธิดา ดอนอยู่ไพร,ยุพา สุวิเชียร,ดรุณี เพ็งฤกษ์,วราพงษ์ ภิระบรรณ์,วีรวัฒน์ นิลรัตนคุณล สิทธิ์ แดงประดับ,พินิจ เขียวพุ่มพวง,สมเพชร พรมเมืองดี

หน่วยงาน :

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 43 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โครงการทดสอบการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตไม้ผลในเขตภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตมะม่วง กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตลองกอง และกิจกรรมที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตทุเรียน 2 กิจกรรมแรก จะมีวิธีการยกระดับความรู้ให้กับเกษตรกร มีการดำเนินงาน ดังนี้ 1) ถ่ายทอดความรู้เรื่องปุ๋ยและวิธีการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องให้กับเกษตรกร 2) เกษตรกรทำแปลงทดสอบการใช้ปุ๋ยแบบเกษตรกรมีส่วนร่วม 3) ทำแปลงต้นแบบแบบเกษตรกรมีส่วนร่วม และ 4) จัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีพร้อมสรุปผลร่วมกับเกษตรกรต้นแบบ ดำเนินการในปี 2560 - 2562 ในแปลงมะม่วงน้ำดอกไม้ จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร และกำแพงเพชร และแปลงลองกองของเกษตรกรในจังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่า การถ่ายทอดความรู้เรื่องปุ๋ยที่จำเป็นเหมาะสมกับเกษตรกรและมีตัวอย่างชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกษตรกรยอมรับคำแนะนำไปปฏิบัติ การทดสอบการใช้ปุ๋ยมะม่วง พบว่า ผลผลิตเฉลี่ย จำนวนผลต่อต้นเฉลี่ย และน้ำหนักผลเฉลี่ย ของมะม่วงวิธีทดสอบ ยังไม่พบความแตกต่างทั้ง 2 ปี การทำแปลงต้นแบบมะม่วงแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมเกษตรกรเลือกใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ของจังหวัดพิษณุโลก คือ อัตรา 1.0-0.4-1.0 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อต้น จังหวัดสุโขทัย คือ อัตรา 1.3-0.5-0.9 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อต้น จังหวัดพิจิตร คือ อัตรา 0.71-0.40-1.20 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อต้น และจังหวัดกำแพงเพชร คือ อัตรา 0.5-0.3-0.5 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อต้น การจัดเสวนาเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีในแปลงต้นแบบมะม่วงเพื่อสรุปผล มีเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมงาน 194 คน สำหรับลองกอง ในปีที่ 3 พบว่า จำนวนช่อดอก ขนาดช่อผล ขนาดผล ดีขึ้น เกษตรกรเลือกใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม คือ อัตรา 0.74-0.37-0.72 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อต้น เกษตรกรระบุประโยชน์ที่ได้รับ คือ เกษตรกรมีความรู้เรื่องปุ๋ยและวิธีการใช้ปุ๋ยสามารถเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับปุ๋ยสูตรต่างๆ ได้ ข้อดีที่เกษตรกรยอมรับเทคโนโลยีและจะนำไปปฏิบัติ คือ การสามารถจัดสรรธาตุอาหารได้ ตามช่วงอายุของพืช กิจกรรมที่ 3 เป็นการทดสอบเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนแบบผสมผสานในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ดำเนินการในจังหวัดสุโขทัยและอุตรดิตถ์ ในปี 2560 - 2562 จากการทดสอบพบว่า การแนะนำให้เกษตรกรปฏิบัติ คือ 1) ใช้กับดักกาวเหนียว 2) ใช้ขวดกับดักเอสเทอร์เพื่อกำจัดตัวเต็มวัย 3) เมื่อทุเรียนเริ่มติดผลอ่อน อายุประมาณ 6 สัปดาห์ หรือประมาณกลางเดือนมีนาคม พ่นฟิโพรนิล 5%SC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร สลับกับไดอะซินอน 60%EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อผลมีอายุ 6 - 8 สัปดาห์ 4) เก็บผลผลิตที่มีพบการเข้าทำลายของของหนอน ไปทำลาย 5) เมล็ดที่จะนำไปเพาะกล้าให้แช่สารเคมีก่อน พบว่าเทคโนโลยีทดสอบที่เกษตรกรได้มีส่วนร่วมเพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่เมื่อสุ่มการระบาดของหนอนเจาะเมล็ดในผลผลิตทุเรียนในแปลงทดสอบ ปี 2560 พบผลผลิตเสียหายจากการทำลายของหนอนเจาะเมล็ดคิดเป็นร้อยละ 11 ปี 2561 และปี 2562 ไม่พบผลผลิตที่จำหน่ายเสียหายจากการทำลายของหนอนเจาะเมล็ดในแปลงทดสอบ

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 19 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 06-03-2568

แจ้งไฟล์หาย