คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ผลของระยะเก็บเกี่ยวต่อการลดความชื้นและคุณภาพเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง

คำหลัก : ระยะเก็บเกี่ยว การลดความชื้น เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง โรงตากลดความชื้นพลังงานแสงอาทิตย์

ผู้วิจัย : ละอองดาว แสงหล้า

ผู้ร่วมวิจัย : ประพัฒน์ ทองจันทร์, สนอง อมฤกษ์, สุพรรณณี เป็งคำ และปัทมพร วาสนาเจริญ

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ และศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมเชียงใหม่

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 26 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          เทคโนโลยีการลดความชื้นที่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง เป็นแนวทางในการลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมในช่วงการลดความชื้นหลังการเก็บเกี่ยว เป็นการศึกษาระยะเก็บเกี่ยวต้นถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่60 (ที่ระยะ R7.5 และ R8) และวิธีการลดความชื้นและผลต่อคุณภาพเมล็ดพันธุ์ โดยใช้โรงตากลดความชื้นพลังงานแสงอาทิตย์ทรงโค้งพาราโบลาขนาด ยาวxกว้างxสูง เท่ากับ 4.0x3.4x2.5 เมตร เปรียบเทียบกับการตากโดยถาดตากอะลูมิเนียมขนาด ยาวxกว้างxสูง เท่ากับ 4.5x2.0x0.1 เมตร วางแผนการทดลองแบบ RCB จำนวน 5 ซ้ำ กรรมวิธี คือ ระยะเก็บเกี่ยวและวิธีการลดความชื้น มี 4 กรรมวิธี คือ เก็บเกี่ยวระยะ R7.5 ลดความชื้นโดยใช้โรงตาก เก็บเกี่ยวระยะ R7.5 ลดความชื้นโดยใช้ถาดตาก เก็บเกี่ยวระยะ R8 ลดความชื้นโดยใช้โรงตาก และเก็บเกี่ยวระยะ R8 ลดความชื้นโดยใช้ถาดตาก ผลการทดลอง ปี 2561 - 2562 พบว่า การลดความชื้นต้นถั่วเหลืองที่เก็บเกี่ยวระยะ R7.5 และ R8 โดยใช้โรงตากกลดความชื้นพลังงานแสงอาทิตย์เป็นวิธีที่สามารถลดความชื้นต้นถั่วเหลืองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับการนวด คือ ความชื้นต้นถั่วเหลือง 34 - 42% และความชื้นเมล็ด 10 - 12% โดยเฉพาะในฤดูฝนสามารถลดความชื้นต้นถั่วเหลืองได้ดีกว่าการลดความชื้นด้วยถาดตาก นอกจากนี้ในฤดูแล้งการเก็บเกี่ยวต้นถั่วเหลืองที่ระยะ R7.5 มีแนวโน้มว่าสามารถลดความชื้นได้ดีกว่าต้นถั่วเหลืองที่เก็บเกี่ยวระยะ R8 วิธีนี้ทำให้เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองมีคุณภาพเฉลี่ย คือ ความงอกและความแข็งแรง 95 และ 87 สำหรับฤดูแล้ง และ 92 และ
79% สำหรับฤดูฝน ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตร และไม่แตกต่างกับการตากโดยถาดตาก การขยายผลนำไปปรับใช้ในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์สามารถปรับขนาดของโรงตากตามปริมาณการผลิตและควรเพิ่มประสิทธิภาพการนำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดสูงสุด โดยการปรับใช้กับพืชอื่น เช่น ข้าวและข้าวโพด เป็นต้น

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 8 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 10-03-2568

แจ้งไฟล์หาย