คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การจัดการเพลี้ยแป้งลองกอง (Exallomochus hispidus (Morrison) หลังการเก็บเกี่ยว

คำหลัก :

ผู้วิจัย : พณัญญา พบสุข

ผู้ร่วมวิจัย : กรรณิการ์ เพ็งคุ้ม, ดวงสมร สุทธิสุทธิ์ และรัตนาพร ไชยศรี

หน่วยงาน : กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 23 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ลองกองหลังการเก็บเกี่ยวมักประสบปัญหาการเข้าทำลายของเพลี้ยแป้งลองกองทำความเสียหายให้กับผล การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาวิธีการกำจัดเพลี้ยแป้งหลังการเก็บเกี่ยว และโดยทำการศึกษาที่แปลงปลูกลองกอง จังหวัดจันทบุรี และห้องปฏิบัติการของกลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ระหว่างเดือนตุลาคม 2561 ถึงเดือนกันยายน 2562 โดยศึกษาวิธีการจัดการมดดำและเพลี้ยแป้งก่อนการเก็บเกี่ยวในแปลงปลูกลองกอง วิธีการทดสอบ คือ วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block มีจำนวน 4 กรรมวิธี 5 ซ้ำ 1 ต้น เป็น 1 หน่วยการทดลอง (Experimental Unit) สุ่มนับช่อลองกอง จำนวน 10 ช่อ/ต้น ในทุกกรรมวิธี และตรวจนับจำนวนมดและเพลี้ยแป้งที่เหลือบนผลลองกองหลังทำการทดสอบ ผลการทดลองประสิทธิภาพของเหยื่อพิษกำจัดมดที่มีความสัมพันธ์ต่อเพลี้ยแป้งในแปลงลองกองก่อนการเก็ลเกี่ยว พบว่าการใช้สาร carbosulfan 20% EC อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร มีจำนวนเพลี้ยแป้งเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ 0.54 ตัวต่อช่อ รองลงมา การใช้กับดักมด (boric acid 0.3% + สารละลายน้ำตาล 25%) กับดักกาวเหนียว และกรรมวิธีควบคุม มีจำนวนเพลี้ยแป้ง เท่ากับ 1.74 6.32 และ 19.36 ตัวต่อช่อ ตามลำดับ
          ผลการทดสอบการกำจัดเพลี้ยแป้งหลังการเก็บเกี่ยว พบว่า Sodium lauryl sulfate (SLS) 1.25% มีเปอร์เซ็นต์การตายของเพลี้ยแป้งสูงที่สุด คือ 91.62% รองลงมา คือ สารสกัดจากสะระแหน่ + สารสกัดจากเปลือกมังคุดที่ความเข้มข้น 0.5% ไวท์ออย 67% EC ความเข้มข้น 0.5% และสารสกัดจากหัวกลอยความเข้มข้น 0.5% มีเปอร์เซ็นต์การตายของเพลี้ยแป้งเท่ากับ 80.41, 78.71 และ 19.48% ตามลำดับ หลังจาการทดสอบผลการทดสอบประสิทธิภาพสารสกัดจากพืชในการกำจัดเพลี้ยแป้งลองกอง พบว่า Sodium lauryl sulfate (SLS) 1.25% มีเปอร์เซ็นต์การตายของเพลี้ยแป้งสูงที่สุด คือ 95.83% รองลงมา สารสกัดจากสะระแหน่ + สารสกัดจากเปลือกมังคุดความเข้มข้น 0.5% ไวท์ออย 67% EC ความเข้มข้น 0.5% และสารสกัดจากหัวกลอยความเข้มข้น 0.5% ได้แก่ 86.55, 82.86 และ 22.52% ตามลำดับ หลังการทดสอบที่ 24 และ 72 ชั่วโมง ผลการทดสอบคุณภาพลองกองด้วยสารสกัดจากพืช พบว่า Sodium lauryl sulfate (SLS) 1.25% มีเปอร์เซ็นต์การเกิดสีน้ำตาลมากกว่ากรรมวิธีอื่นๆ เท่ากับ 80% และ 100% ในวันที่ 7 และ 14 ตามลำดับ และในทุกกรรมวิธีจะมีอาการเปลือกสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นตามอายุเวลาการเก็บรักษา คือ 0 7 และ 14 วัน เท่ากับ 10, 56 และ 84% ตามลำดับ สำหรับเปอร์เซ็นต์การสูญเสียน้ำหนักในทุกกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ แต่จะมีค่าเพิ่มขี้นตามการเก็บรักษา ได้แก่ 2.66, 3.45 และ 4.07 ตามลำดับ การหลุดร่วงของผลของลองกองมีการหลุดร่วงอย่างรวดเร็วหลังการเก็บรักษานาน 7 วัน และมีการหลุดร่วงจากช่อผลทั้งหมด 100% ในวันที่ 14 ของการเก็บรักษาผลลองกอง อย่างไรก็ตามค่าการเปลี่ยนแปลงสีเปลือกลองกอง ค่าความสว่าง (L*) ค่าสีเหลือง (b*) ค่าความเป็นกรด และค่าความหวาน ในทุกกรรมวิธีไม่มีผลต่อคุณภาพของลองกอง

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 16 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 11-03-2568

แจ้งไฟล์หาย