คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การผลิตเนยเมล็ดมะม่วงเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

คำหลัก :

ผู้วิจัย : ศุภมาศ กลิ่นขจร

ผู้ร่วมวิจัย : สุปรียา ศุขเกษม,วิมลวรรณ วัฒนวิจิตร

หน่วยงาน : กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 51 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การผลิตเนยเมล็ดมะม่วงเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลเมล็ดมะม่วงที่เป็นของเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปโดยผลิตเป็นเนยเมล็ดมะม่วงสำหรับใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ดำเนินการทดลองระหว่างเดือนตุลาคม 2559 – กันยายน 2562 ณ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร จากการศึกษาการลดความชื้นเนื้อในเมล็ดมะม่วงเพื่อเตรียมสกัดไขมัน พบว่า วิธีการที่เหมาะสมคือการอบลมร้อมที่ 55 องศาเซลเซียส นาน 20 ชั่วโมง เนื้อในเมล็ดมะม่วงที่ได้จะมีความชื้น ร้อยละ 7.50 และมีค่าความสว่าง (L*) สูงที่สุด คือ 83.65 จึงส่งผลให้มีค่าดัชนีความขาวที่คำนวณได้สูงที่สุด (83.68) จากนั้นนำเนื้อในเมล็ดมะม่วงอบแห้งมาบดละเอียดและนำไปสกัดไขมันด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์และเฮกเซน โดยมีผลผลิตไขมันที่สกัดได้เป็นร้อยละ 6.52 และ 7.04 ตามลำดับ จากผลการทดลองจึงคัดเลือกปิโตรเลียมอีเทอร์เป็นตัวทำละลายเพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัด โดยแปรระยะเวลาในการแช่ตัวอย่างก่อนการสกัดเป็น 30 - 60 นาที พบว่าการแช่ตัวอย่างก่อนการสกัดนาน 60 นาที จะสามารถสกัดได้เนยเมล็ดมะม่วงได้สูงที่สุด เมื่อสกัดไขมันเนื้อในเมล็ดมะม่วงอบแห้งพันธุ์ แก้วขมิ้น โชคอนันต์ และน้ำดอกไม้ พบว่ามีปริมาณไขมันร้อยละ 7.25, 6.38 และ 5.84 และมีโดยจุดหลอมเหลวที่วัดได้เป็น 39.8 36.67 และ 35.83 องศาเซลเซียส ตามลำดับ โดยกรดไขมันที่เป็นองค์ประกอบหลัก คือ oleic acid รองลงมา คือ stearic acid เมื่อทดสอบคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการนำไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ได้แก่ คุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี DPPH และความสามารถในการยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ไทโรซิเนส พบว่า ไขมันจากเมล็ดมะม่วงแก้วขมิ้นจะที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด 61.33 mgAA/100g และมีความสามารถในการยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ไทโรซิเนสสูงสุด (IC50) 0.47 mg/ml จากการศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงของเนยเมล็ดมะม่วงพันธุ์แก้วขมิ้นที่สกัดได้พบว่า เนยเมล็ดมะม่วงที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องจะมีการเปลี่ยนแปลงของสี และมีค่า peroxide value เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาการเก็บรักษา 3 เดือน ดังนั้นการเก็บรักษาเนยเมล็ดมะม่วงที่อุณภูมิห้องจะต้องมีการเติม Butylated hydroxytoluene (BHT) 100 ppm จากนั้นทำการพัฒนารูปแบบของเนยเมล็ดมะม่วงให้อยู่ในรูปแบบเกล็ด (flake) เพื่อสะดวกต่อการใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง พบว่า carnauba wax เหมาะที่จะใช้เพิ่มความคงตัวให้กับเนยเมล็ดมะม่วงในการผลิตให้อยู่ในรูปแบบเกล็ด โดยปริมาณ carnauba wax ที่เหมาะสม คือ ร้อยละ 5 โดยน้ำหนัก ซึ่งจะสามารถเพิ่มจุดหลอมเหลวของเนยเมล็ดมะม่วงได้ถึง 6.66 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้เนยเมล็ดมะม่วงเกิดความเสถียรระหว่างการเก็บรักษา และได้ทำการประยุกต์เนยเมล็ดมะม่วงแบบเกล็ดในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ เช่น โลชันทาผิว มอยเจอร์บาร์ และบอดีสครับ และเมื่อคำนวณต้นทุนในการผลิต พบว่าต้นทุนของการผลิตจะเกิดจากการสูญเสียตัวทำละลายที่ใช้ในระหว่างการสกัดไขมัน จึงส่งผลให้เนยเมล็ดมะม่วง 1 กิโลกรัมมีต้นทุนในการผลิต 1,472.5 บาท

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 27 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 12-03-2568

แจ้งไฟล์หาย