คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ความสัมพันธ์ของสภาพแวดล้อมโรคใบขาวและความเสียหายของอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

คำหลัก : การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไฟโตพลาสมา ใบขาว อ้อย

ผู้วิจัย : กาญจนา กิระศักดิ์

ผู้ร่วมวิจัย : ชยันต์ ภักดีไทย, มัทนา วานิชย์, ภาคภูมิ ถิ่นคำ, เนติรัฐ ชุมสุวรรณ และแคทลิยา เอกอุ่น

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาฬสินธุ์

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 24 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การศึกษาความสัมพันธ์ของสภาพแวดล้อมโรคใบขาว และความเสียหายของอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่มีแบบการทดลอง ดำเนินงานในพื้นที่แปลงเกษตรกรใช้วิธีการคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการเก็บข้อมูลจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคใบขาวในปี 2559 และแบ่งเขตพื้นที่การเก็บข้อมูลในแต่ละพื้นที่ปลูกอ้อยโดยใช้โปรแกรม Quantum GIS และหาความสัมพันธ์โดยใช้การวิเคราะห์ทางสถิติการถดถอยแบบขั้นตอน (Stepwise regression) ซึ่งแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) เก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมของพื้นที่ปลูกอ้อย 2) เก็บข้อมูลการระบาดของใบขาวอ้อย และ 3) ประเมินความสูญเสียของผลผลิตอ้อยจากการเข้าทำลายของโรคใบขาว ซึ่งการดำเนินงานในครั้งนี้เพื่อต้องการดูผลกระทบที่เกิดจากสภาพแวดล้อมต่อการแสดงอาการใบขาวในแต่ละพื้นที่ปลูก ผลการดำเนินงานพบว่า การใช้ Quantum GIS ทำการซ้อนทับข้อมูลขอบเขตการปกครองและสภาพภูมิอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิสุงสุด (Tmax) อุณภูมิต่ำสุด (Tmin) และปริมาณน้ำฝน (Prec) สามารถแบ่งพื้นที่ได้เป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 Tmax สูง และ Tmin สูง และ Prec.ต่ำ กลุ่มที่ 2 Tmax สูง และ Prec.สูงกลุ่มที่ 3 Tmax สูง และ Prec.ต่ำ กลุ่มที่ 4 Tmin สูง และ Prec.สูง กลุ่มที่ 5 Tmin สูง และ Prec.ต่ำ กลุ่มที่ 6 Prec.สูง กลุ่มที่ 7 Prec.ต่ำ ซึ่ง Tmax สูง มีค่าระหว่าง 32.09 - 32.98 oC Tmin สูง มีค่าระหว่าง 19.20 - 20.17 oC ปริมาณน้ำฝนสูง มีค่าระหว่าง 37.8 - 45.9 มม. และปริมาณน้ำฝนต่ำ มีค่าระหว่าง 22.2 - 25.4 มม. และคัดเลือกได้พื้นที่เก็บข้อมูล จำนวน 48 แปลง ในจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ และนครราชสีมา ผลการดำเนินงานพื้นที่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 - ตุลาคม 2561 พบว่ามี 40 แปลง ที่อ้อยแสดงอาการใบขาว 0 - 17.6% โดยเดือนพฤษภาคมมีการระบาดของโรคมากที่สุด รองลงมา คือ เดือนมีนาคมและเมษายน ตามลำดับ ชนิดดินที่พบอาการใบขาวมากที่สุด คือ ดินร่วนปนทราย รองลงมา คือ ดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง และดินทรายปนร่วน ตามลำดับ ค่าความเป็นกรดด่างของดินอยู่ในช่วง 4.6 - 8.1 อินทรียวัตถุร้อยละ 0.14 - 1.49 ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์อยู่ในช่วง 3.37 - 87.41 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โพแทสเซียม 38.8 - 313 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แคลเซียม 0.09 - 9272 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และแมกนีเซียม 6.43 - 805 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างอายุ พันธุ์ ปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน และปริมาณโพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในดินต่อร้อยละของการแสดงอาการใบขาว ดังสมการ %SWLD = -10.8335 + (อายุ x 1.36824) + (พันธุ์ x 6.102) + (อินทรีย์วัตถุในดิน x 17.371) + (Exchangable K x -0.05582) ค่า R²=0.40 และเมื่อปรับปรุงวิธีการเก็บข้อมูล ได้สมการดังนี้ %SWLD = 12.1038 + (เนื้อดิน x 0.76923) + (พันธุ์ x -2.05701) + (อุณหภูมิต่ำสุด x -0.43107) ค่า R² = 0.46

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 10 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 18-03-2568

แจ้งไฟล์หาย