คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

เทคโนโลยีการผลิตงาหลังนาในเขตชลประทาน

คำหลัก :

ผู้วิจัย : บุญเหลือ ศรีมุงคุณ

ผู้ร่วมวิจัย : ประภาพร แพงดา, อรอนงค์ วรรณวงษ์, ลักขณา ร่มเย็น, ศิริรัตน์ กริชจนรัช และสมหมาย วังทอง

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 26 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ดำเนินการในสภาพนาชลประทานจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 10 แปลง ในปี 2561 - 2562 โดยใช้งาดำพันธุ์อุบลราชธานี3 ไม่มีแผนการทดลอง ซึ่งแต่ละแปลงปลูกงา 2 กรรมวิธี คือ 1. วิธีแนะนำ ปลูกงาแบบแถวระยะปลูก 50 เซนติเมตร ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก./ไร่ พ่นสารควบคุมวัชพืชอลาคลอร์หลังปลูก กำจัดวัชพืชด้วยแรงงานคนอีกครั้งเมื่องาอายุ 15 - 20 วันหลังงอก และใส่ปุ๋ยเคมี 16-16-8 อัตรา 50 กก./ไร่ โรยระหว่างแถวและพรวนดินกลบควบคุมศัตรูพืชตามการระบาดของศัตรูพืช 2. วิธีเกษตรกร ปลูกโดยวิธีการหว่าน ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก./ไร่ และใส่ปุ๋ยเคมี 16-16-8 อัตรา 40 กก./ไร่ พร้อมการหว่านงา ควบคุมศัตรูพืชตามการระบาดของศัตรูพืช แต่ละกรรมวิธีใช้พื้นที่ 0.5 ไร่ รวม 1 ไร่ เกษตรกร 1 ราย ปลูก 2 ซ้ำ รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมด 2 ไร่ต่อเกษตรกร 1 ราย ผลการทดสอบพบว่า การวิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมีของดินก่อนการปลูกงา ทั้ง 2 ปี ดินมีสภาพความเป็นกรดอยู่ระหว่าง 4.32 - 5.36 มีอินทรียวัตถุต่ำอยู่ระหว่าง 0.37 - 1.32% ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ 2.25 - 64.90 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้อยู่ระหว่าง 9.50 - 54.80 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ปี 2561 วิธีแนะนำให้ผลผลิต 81 กก./ไร่ ซึ่งสูงกว่าวิธีเกษตรกร 22.23% ที่ให้ผลผลิต 63 กก./ไร่ และปี 2562 ให้ผลการทดสอบเช่นเดียวกัน คือ วิธีแนะนำให้ผลผลิต 84 กก./ไร่ ซึ่งสูงกว่าวิธีเกษตรกร 24.27% ที่ให้ผลผลิต 64 กก./ไร่ ทางด้านการเจริญเติบโตวัดจากความสูงเมื่อเก็บเกี่ยว วิธีแนะนำมีความสูงมากกว่าวิธีเกษตรกรทั้ง 2 ปี สำหรับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจทั้งวิธีแนะนำและวิธีเกษตรกร มีอัตราส่วนระหว่างรายได้กับต้นทุน (BCR) คุ้มค่าต่อการลงทุนทั้ง 2 ปี

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 15 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 19-03-2568

แจ้งไฟล์หาย