คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ชีววิทยาและการแพร่กระจายของพืชต่างถิ่น 3 ชนิด : เอื้องชมพู (Persicaria capitata (Buch.-Ham. ex D.Don) H.Gross ; Dandelion (Taraxacum officinale G. H. Weber ex Wigg.) และ False Dandelion (Hypochaeris radicata L.) ในพื้นที่เกษตรที่สูง

คำหลัก :

ผู้วิจัย : เอกรัตน์ ธนูทอง

ผู้ร่วมวิจัย : ธัญชนก จงรักไทย, อัณศยา พรมมา และฉัตรนภา ข่มอาวุธ

หน่วยงาน : สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช และศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่

ปี: 2562

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 21 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การศึกษาชีววิทยาและการแพร่กระจายของพืชต่างถิ่น 3 ชนิด ได้แก่ เอื้องชมพู (Persicaria capitata (Buch.-Ham. ex D.Don) H.Gross) Dandelion (Taraxacum officinale G. H. Weber ex Wigg.) และ False dandelion (Hypochaeris radicata L.) ในพื้นที่เกษตรที่สูงของประเทศไทย ทำการทดลองระหว่างเดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562 การสำรวจพบเอื้องชมพู Dandelion และ False dandelion บริเวณพื้นที่ทำการศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่ และพบเฉพาะ Dandelion บริเวณพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน และสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน จังหวัดน่าน การศึกษาชีววิทยาพบว่า เอื้องชมพูมีเมล็ดสีน้ำตาลถึงน้ำตาลดำ ทรงรูปไข่แคบ (narrow ovoid) ด้านข้างเป็นสันสามเหลี่ยม ผิวเรียบเป็นมันเงาวาวเล็กน้อย มีเปอร์เซ็นต์ความงอกในเรือนทดลอง 44 เปอร์เซ็นต์ หลังจากตัดชำมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มออกดอกและสร้างเมล็ดที่ระยะ 2 เดือนหลังตัดชำ ใช้เวลาพัฒนาจากดอกตูมถึงดอกบาน 9 - 10 วัน และหลังจากดอกบาน 3 - 5 วัน เมล็ดสุกแก่ สามารถผลิตเมล็ดได้ 4,911 - 13,991 เมล็ดต่อต้น การศึกษาคุณสมบัติทางอัลลิโลพาธิเบื้องต้นพบว่า ลำต้นและใบของเอื้องชมพู สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไมยราบยักษ์ได้ โดยใบแห้ง 0.5 กรัม สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของรากและลำต้นได้ 90.4 และ 46.2 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ Dandelion มีเมล็ดสีน้ำตาลอ่อนรูปขอบขนาน (oblong) บริเวณปลายมีรยางค์เป็นหนามสั้นๆ และมีแพปพัส (pappus) สีขาว ยาว 0.4 - 0.5 เซนติเมตร ติดอยู่ที่ปลายสุดของเมล็ด มีเปอร์เซ็นต์ความงอกในเรือนทดลอง 53 เปอร์เซ็นต์ เริ่มออกดอกและสร้างเมล็ดที่ระยะ 3 เดือนหลังย้ายปลูก ใช้เวลาพัฒนาจากดอกตูมถึงดอกบาน 7 - 9 วัน และหลังจากดอกบานประมาณ 5 วัน เมล็ดสุกแก่ สามารถผลิตเมล็ดได้ 3,819 - 6,488 เมล็ดต่อต้น การศึกษาคุณสมบัติทางอัลลิโลพาธิเบื้องต้นพบว่า ราก ลำต้น ใบ และช่อดอกของ Dandelion สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไมยราบยักษ์ได้ โดยใบแห้ง 0.5 กรัม สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของรากและลำต้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และ False Dandelion มีเมล็ดสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม รูปขอบขนานแคบ (narrow oblong) ผิวเป็นร่องคล้ายตาข่ายขนาดเล็กตามยาว และมีแพปพัส (pappus) คล้ายขนนก สีขาว ยาว 0.8 - 1.0 เซนติเมตร ติดอยู่ที่ปลายสุดของเมล็ด มีเปอร์เซ็นต์ความงอกในเรือนทดลอง 86 เปอร์เซ็นต์ เริ่มแทงช่อดอกที่ระยะ 4 เดือนหลังย้ายปลูก ออกดอกและสร้างเมล็ดที่ระยะ 5 เดือนหลังย้ายปลูก ใช้เวลาพัฒนาจากดอกตูมถึงดอกบาน 8 - 10 วัน และหลังจากดอกบานประมาณ 7 วัน เมล็ดสุกแก่ สามารถผลิตเมล็ดได้ 10,688 - 15,787 เมล็ดต่อต้น การศึกษาคุณสมบัติทางอัลลิโลพาธิเบื้องต้นพบว่า ราก ลำต้น ใบ และช่อดอกของ False Dandelion สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไมยราบยักษ์ได้ โดยใบแห้ง 0.5 กรัม สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของรากและลำต้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 9 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 24-03-2568

แจ้งไฟล์หาย