คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

วิเคราะห์สถานการณ์การค้าพืชอนุรักษ์ : พืชอวบน้ำ

คำหลัก :

ผู้วิจัย : รักชณา สารภิรม

ผู้ร่วมวิจัย : ดวงเดือน ศรีโพทา,สุมาลี ทองดอนแอ,ยอดหญิง สอนสุภาพ,ปวีณา ทะรักษา,พรเทพ ท้วมสมบุญ

หน่วยงาน : สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 19 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          จากการศึกษาข้อมูลการค้าพืชอวบน้ำของสำนักงานเลขาธิการไซเตสย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2559 ชนิดพืชอวบน้ำที่มีการนำเข้ามายังประเทศสูงสุด ได้แก่ Ariocarpus fissuratus, Ariocarpus kotschoubeyanus, Ariocarpus retusus, Astrophytum asterias, Echinocactus grusonii, Gymnocalycium mihanovichii, Mammillaria karwinskiana, Pachypodium brevicaule, Strombocactus disciformis และ Tillandsia xerographica จากข้อมูลชนิดพืชที่มีการนำเข้ามา จึงทำการสำรวจแหล่งการค้าไม้ประดับพบว่า ชนิดพืชอวบน้ำที่มีการค้าส่วนมากเป็นชนิดที่มีการนำเข้ามา และยังพบการค้ากลุ่มพืชอวบน้ำอื่นๆ ที่เป็นที่เป็นพืชอนุรักษ์ จำนวน 49 กลุ่ม และไม่เป็นพืชอนุรักษ์ จำนวน 12 กลุ่ม จากการสำรวจการค้าพืชอวบน้ำพบว่า ทำการค้าแบบปลีกและแบบส่ง มีผู้ค้ามารับซื้อจากร้าน และนำไปจำหน่ายต่อตามตลาดการค้าไม้ประดับต่างๆ ชนิดพืชอวบน้ำที่เป็นพืชอนุรักษ์ที่จำหน่ายส่วนมากเป็นกลุ่ม Ariocarpus, Astrophytum, Mammillaria, Echinocactus, Echinopsis, Gymnocalycium, Ferocactus, Lophophora, Melocactus, Pachypodium, Euphorbia และ Turbinicarpus และกลุ่มพืชอวบน้ำที่ไม่ใช่พืชอนุรักษ์ที่จำหน่ายส่วนมากเป็นกลุ่ม Beaucarnea, Caralluma, Haworthia, Kalanchoe และ Pseudolithos และการสำรวจแหล่งขยายพันธุ์เทียมพืชอวบน้ำ พบว่าส่วนมากนิยมขยายพันธุ์เทียมโดยการเพาะเมล็ด เพราะทำปริมาณได้มาก และวิธีการแยกหน่อ แต่วิธีการแยกหน่อจะต้องมีปริมาณพ่อ - แม่พันธุ์จำนวนมากเพียงพอ หากต้องการทำปริมาณเพื่อการค้าจำนวนมากและวิธีการตัดยอด เพื่อให้เกิดการแตกหน่อรอบบริเวณที่ตัด ส่วนยอดที่ตัดสามารถนำไปปลูกเพื่อขยายพันธุ์ได้ต่อไป และยังพบการค้าพืชอวบน้ำผ่านทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook และมีการนำเข้าพืชอวบน้ำมาจากต่างประเทศเพื่อนำมาจำหน่ายทาง Facebook โดยผ่านทางไปรษณีย์และไม่มีเอกสารแจ้งการนำเข้าที่ถูกต้อง ในปี 2561 มีพืชอวบน้ำที่ได้รับการบรรจุเพิ่มในบัญชีแนบทำยอนุสัญญาไซเตส 2 ชนิด คือ Adansonia grandidieri หรือต้นเบาบับ และ Beaucarnea spp. หรือต้นแส้หางม้า ได้ทำการสำรวจการค้าตลาดการค้าไม้ประดับ พบการค้าต้นแส้ม้าโดยจำหน่ายที่ขนาดความสูงตั้งแต่ 30 – 150 เซนติเมตร ราคาตั้งแต่ 200 – 2,500 บาท แต่ไม่พบการค้าต้นเบาบับ และสำรวจการขยายพันธุ์เทียมต้นแส้หางม้าโดยใช้วิธีการแยกหน่อ ต้นที่แยกหน่อมาปลูกในกระถางขนาด 6 นิ้ว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหัวประมาณ 2.5 นิ้ว ความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ใช้เวลาปลูกประมาณ 2 ปี และการเพาะเมล็ด ซึ่งเป็นเมล็ดที่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อเพาะขยายพันธุ์ ต้นที่เพาะและปลูกในกระถางขนาด 8 นิ้ว มีความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งใช้เวลาปลูกประมาณ 5 ปี และนอกจากนี้ต้นที่เพาะเมล็ดเมื่อมีอายุประมาณ 2 ปี สามารถนำปลูกลงดิน หรือในบ่อวงปูนเพื่อให้เจริญเติบโตได้ดีและรวดเร็ว โดยต้องใช้ดินดำผสมกับดินลูกรัง เพื่อช่วยให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น ไม่มีน้ำขัง ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ให้ทราบถึงกฎระเบียบในการทำการค้าพืชอนุรักษ์ กลุ่มพืชอวบน้ำ และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้บริษัทไปรษณีย์ไทยและบริษัทขนส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศมีความรู้ในเรื่องของพืชอนุรักษ์กลุ่มพืชอวบน้ำและอื่นๆ เพื่อจะได้มีการกำหนดมาตรการในการตรวจสอบไปรษณีย์ภัณฑ์ ระหว่างประเทศไม่ให้มีการค้าที่ผิดกฎหมาย อันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศและธุรกิจการค้าพืชอวบน้ำของไทย

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 10 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 15-05-2568

แจ้งไฟล์หาย