คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

พัฒนาการ การเติบโตและการสะสมน้ำตาลของอ้อยพันธุ์ต่างๆ ภายใต้สภาพที่มีปัจจัยการผลิตเพียงพอใน จ.ปราจีนบุรี

คำหลัก :

ผู้วิจัย : พินิจ กัลยาศิลปิน

ผู้ร่วมวิจัย : เบญจรัตน์ วุฒิกมลชัย และปรีชา กาเพ็ชร

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรฉะเชิงเทรา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปราจีนบุรี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุโขทัย

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 11 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          อ้อยเป็นพืชอายุยาวข้ามปี ในระหว่างการผลิตย่อมได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทำให้ผลผลิตที่ได้รับลดลง จึงได้ดำเนินการทดลองปลูกอ้อย 3 กลุ่มพันธุ์ ภายใต้สภาพที่มีปัจจัยการผลิตเพียงพอเพื่อหาศักยภาพในการเจริญเจริญเติบโต การสะสมน้ำตาล และการให้ผลผลิตของอ้อย ภายใต้สภาพภูมิอากาศจังหวัดปราจีนบุรี  ปลูกอ้อยที่แปลงทดลองศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปราจีนบุรีจำนวน 3 วันปลูก ได้แก่ วันปลูกที่ 1 ปลูกวันที่ 4 ธันวาคม 2558 2558 เก็บเกี่ยววันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 วันปลูกที่ 2 ปลูกวันที่ 25 มีนาคม 2559 เก็บเกี่ยววันที่ 14 มีนาคม 2560 และวันปลูกที่ 3 ปลูกวันที่ 8 มิถุนายน 2559 เก็บเกี่ยววันที่ 20 มีนาคม 2560 แต่ละวันปลูกปลูกอ้อยพันธุ์K95-84 เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะชูตั้ง พันธุ์KK07-050 หรือ 95-2-213 เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะชูตั้งและปลายใบโค้งลง และพันธุ์KK07-037 เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำ มีลักษณะปลายใบโค้งลงมากเกือบเหมือนครึ่งวงกลม ปลูกโดยวิธีการชำข้อและย้ายลงแปลงปลูกในระยะระหว่างแถว 120 เซนติเมตร ระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ขนาดแปลงย่อยจำนวน 8 แถว แถวยาว 10 เมตร ใส่ปุ๋ยพร้อมปลูกเกรด 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่อีกครั้งเมื่ออ้อยอายุประมาณ 3 เดือนหลังปลูกให้น้ำเมื่อความชื้นดินลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุน้ำที่เป็นประโยชน์ กำจัดวัชพืชและดูแลแปลงไม่ให้มีโรคและแมลงระบาด สุ่มอ้อยจำนวน 2 กอต่อแปลงย่อย แยกส่วนของลำต้นกับใบและกาบใบเพื่อหาข้อมูลน้ำหนักแห้งทุกๆ 3 เดือน จำนวน 4 ครั้ง และติดตามการเติบโตโดยวัดความสูง จำนวนใบ และจำนวนลำต่อพื้นที่ทุกๆ 3 เดือนเมื่ออ้อยเข้าสู่ช่วงเดือนพฤศจิกายนติดตามการสะสมน้ำตาลโดยการวัดค่าบริกซ์ทุกๆ 15 วัน ผลการทดลองพบว่า ในวันปลูกที่ 3 อ้อยมีการสะสมน้ำหนักแห้งส่วนเหนือดินในช่วง 3 เดือนแรก เฉลี่ย 4.65 กรัมต่อตารางเมตร มากกว่าอ้อยที่ปลูกในวันปลูกที่ 1 และ 2 เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ในขณะที่ช่วงวันปลูกที่ 1 และ 2 อายุของอ้อยพบว่ามีอัตราการสะสมน้ำหนักลำแห้งมากที่สุด ในช่วงวันที่ 270 วันหลังปลูก เฉลี่ย 23.79 กรัมต่อตารางเมตร วันปลูกที่ 3 พันธุ์อ้อยมีอัตราการสะสมน้ำหนักลำแห้งที่แตกต่างกัน อ้อยจะมีอัตราการเจริญเติบโตได้มากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 90 วันหลังปลูก อ้อย 2 พันธุ์ ได้แก่ KK07-037 และพันธุ์95-2-213 และอ้อยพันธุ์K95-84 จะมีอัตราการเจริญเติบโตได้มากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 180 วันหลังปลูก ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อการสะสมน้ำหนักแห้งของอ้อยจึงขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโต อุณหภูมิ และพันธุ์ โดยที่อ้อยช่วงอายุ 270 วันหลังปลูก ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส และพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะปลายใบโค้งลงมากเกือบเหมือนครึ่งวงกลมจะมีอัตราการสะสมน้ำหนักแห้งมากที่สุด การสร้างใบและความสูงของอ้อยทั้ง 3 พันธุ์มีอัตราใกล้เคียงกัน แต่พันธุ์K95-84 มีการสร้างใบสูงสุด โดยวันปลูกที่ 1 อ้อยมีอัตราการสร้างใบสูงเมื่ออ้อยมีอายุ 180 วันหลังปลูก ส่วนวันปลูกที่ 2 และ 3 มีอัตราการสร้างใบสูงเมื่ออ้อยอายุ 90 วันหลังปลูก ในส่วนของการสร้างใบและความสูงจะได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศมากกว่าพันธุ์และระยะการเจริญเติบโตของอ้อย โดยมีอัตราการเพิ่มใบและความสูงได้มากที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม และช่วงอายุของอ้อยพบว่าทั้ง 3 พันธุ์ มีการสร้างใบและความสูงไม่แตกต่างกัน โดยในช่วงแรกของการเจริญเติบโตมีอัตราการสร้างใบชำกว่าอัตราการเพิ่มความสูง แต่เมื่ออ้อยอายุมากกว่า 270 วัน อ้อยจะมีอัตราการสร้างใบมากกว่าการเพิ่มความสูง ส่วนการสะสมน้ำตาลพบว่าอ้อยพันธุ์K95-84 มีการสะสมน้ำตาลได้เร็วกว่าทั้งสองพันธุ์และมีการสะสมน้ำตาลได้สูงสุดอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม โดยที่อายุของอ้อยไม่มีผลต่อการสะสมน้ำตาล ค่าพัฒนาการและการเจริญเติบโตและการสะสมน้ำตาลที่ได้นำไปใช้ปรับค่าและทดสอบค่าสัมประสิทธิ์ทางพันธุกรรมสำหรับแบบจำลองพืชเพื่อนำไปใช้ประเมินผลผลิตตามศักยภาพของของอ้อยในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันต่อไป

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 3 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 16-05-2568

แจ้งไฟล์หาย