คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

พัฒนาการ การเติบโตและการสะสมน้ำตาลของอ้อยพันธุ์ต่างๆ ภายใต้ สภาพอาศัยน้ำฝนในจังหวัดมุกดาหาร

คำหลัก :

ผู้วิจัย : พิกุล ซุนพุ่ม

ผู้ร่วมวิจัย : ปรีชา กาเพ็ชร และบุญญาภา ศรีหาตา

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมุกดาหาร และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุโขทัย

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 6 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          อ้อยเป็นพืชอายุยาวข้ามปี ในระหว่างการผลิตย่อมได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทำให้ผลผลิตที่ได้รับลดลง จึงได้ดำเนินการทดลองปลูกอ้อย 3 กลุ่มพันธุ์ ภายใต้สภาพที่มีปัจจัยการผลิตเพียงพอเพื่อหาศักยภาพในการเจริญเจริญเติบโต การสะสมน้ำตาล และการให้ผลผลิตของอ้อย ภายใต้สภาพภูมิอากาศจังหวัดมุกดาหาร ปลูกอ้อยที่แปลงทดลองศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมุกดาหาร จำนวน 3 วันปลูก ได้แก่ วันปลูกที่ 1 ปลูกวันที่ 4 ธันวาคม 2558 เก็บเกี่ยววันที่ 8 ธันวาคม 2559 วันปลูกที่ 2 ปลูกวันที่ 16 มีนาคม 2559 เก็บเกี่ยววันที่ 17 มีนาคม 2560 และวันปลูกที่ 3 ปลูกวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 เก็บเกี่ยววันที่ 28 กุมภาพันธุ์ 2560 แต่ละวันปลูกปลูกอ้อยพันธุ์K95-84 เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะชูตั้ง พันธุ์KK07-050
หรือ 95-2-213 เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะชูตั้งและปลายใบโค้งลง และพันธุ์KK07-037 เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะปลายใบโค้งลงมากเกือบเหมือนครึ่งวงกลม ปลูกโดยวิธีการช้าข้อและย้ายลงแปลงปลูกในระยะระหว่างแถว 120 เซนติเมตร ระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ขนาดแปลงย่อยจำนวน 10 แถว แถวยาว 6 เมตร ใส่ปุ๋ยพร้อมปลูกเกรด 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่อีกครั้งเมื่ออ้อยอายุประมาณ 3 เดือนหลังปลูก ให้น้ำเมื่อความชื้นดินลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุน้ำที่เป็นประโยชน์ กำจัดวัชพืชและดูแลแปลงไม่ให้มีโรคและแมลงระบาด สุ่มอ้อยจำนวน 2 กอต่อแปลงย่อย แยกส่วนของลำต้นกับใบและกาบใบเพื่อหาข้อมูลน้ำหนักแห้งทุกๆ 3 เดือน จำนวน 4 ครั้ง และติดตามการเติบโตโดยวัดความสูง จำนวนใบ และจำนวนลำต่อพื้นที่ ทุกๆ 3 เดือนเมื่ออ้อยเข้าสู่ช่วงเดือนพฤศจิกายนติดตามการสะสมน้ำตาลโดยการวัดค่าบริกซ์ทุกๆ 15 วัน ผลการทดลองพบว่า ในวันปลูกที่ 1 อ้อยมีการสะสมน้ำหนักแห้งส่วนเหนือดินในช่วง 3 เดือนแรกเฉลี่ย 1.6 กรัมต่อตารางเมตร น้อยกว่าอ้อยที่ปลูกในวันปลูกที่ 2 และ 3 เนื่องจากมีอุณหภูมิต่ำไม่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์แสง ในขณะที่ช่วงอายุของอ้อยพบว่า อ้อยมีอัตราการสะสมน้ำหนักแห้งมากที่สุดในช่วงวันที่ 278 - 371 วันหลังปลูก เฉลี่ย 43.2 กรัมต่อตารางเมตร และพันธุ์K95-84 มีอัตราการสะสมน้ำหนักแห้งมากกว่าพันธุ์ 95-2-213 หรือ KK07-050 และ KK07-037 ตามลำดับ ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อการสะสมน้ำหนักแห้งของอ้อยจึงขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโต อุณหภูมิ และพันธุ์ โดยที่อ้อยช่วงอายุ 278-371 วันหลังปลูก ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส และพันธุ์ที่มีทรงใบตรง ส่วนยอดของลำมีลักษณะตั้งชูและปลายใบโค้งลงจะมีอัตราการสะสมน้ำหนักแห้งมากที่สุด ในส่วนของการสร้างใบพบว่า วันปลูกที่ 2 มีอัตราการสร้างใบในช่าง 3 เดือนแรกช้ากว่าวันปลูกที่ 1 และ 3 เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงกว่า แต่ไม่มีผลต่อการเพิ่มความสูงของอ้อยในขณะที่พันธุ์ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการสร้างใบและความสูง และช่วงอายุของอ้อยพบว่า ทั้งสามพันธุ์มีการสร้างใบและความสูงไม่แตกต่างกัน โดยในช่วงแรกของการเจริญเติบโตมีอัตราการสร้างใบและอัตราการเพิ่มความสูงมาก แต่เมื่ออ้อยอายุมากกว่า 277 วัน อ้อยจะมีอัตราการสร้างใบละการเพิ่มความสูงลดลง ส่วนการสะสมน้ำตาลพบว่า อ้อยพันธุ์K95-84 มีการสะสมน้ำตาลสูงสุดได้ใกล้เคียงกัน พันธุ์K 95-2-213 และมีการสะสมน้ำตาลได้สูงสุดอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธุ์ โดยที่อายุของอ้อยไม่มีผลต่อการสะสมน้ำตาล ค่าพัฒนาการและการเจริญเติบโตและการสะสมน้ำตาลที่ได้นำไปใช้ปรับค่าและทดสอบค่าสัมประสิทธิ์ทางพันธุกรรมสำหรับแบบจำลองพืชเพื่อนำไปใช้ประเมินผลผลิตตามศักยภาพของของอ้อยในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันต่อไป

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 2 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 19-05-2568

แจ้งไฟล์หาย