คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ผลการตอบสนองของปุ๋ยเคมีต่อการปลูกงาในสภาพนาชลประทาน

คำหลัก :

ผู้วิจัย : บุญเหลือ ศรีมุงคุณ

ผู้ร่วมวิจัย : ประภาพร แพงดา, อรอนงค์ วรรณวงษ์ และลักขณา ร่มเย็น

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 5 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ดำเนินการในสภาพนาชลประทาน จังหวัดอุบลราชธานี ปี 2559 - 2561 ในปี 2559 - 2560 วางแผนการทดลองแบบRCB 4 ซ้ำ 9 กรรมวิธี คือ 1. ปุ๋ยเคมี อัตรา 0-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 2. ปุ๋ยเคมี อัตรา 4-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 3. ปุ๋ยเคมี อัตรา 8-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 4. ปุ๋ยเคมีอัตรา 16-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 5. ปุ๋ยเคมี อัตรา 16-0-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 6. ปุ๋ยเคมี อัตรา 16-4-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 7. ปุ๋ยเคมี อัตรา 16-8-0 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 8. ปุ๋ยเคมี อัตรา 16-8-4 กก./ไร่ของ N-P2O5-K2O และ 9. ไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ปี 2559 พบว่า คุณสมบัติทางเคมีของดินก่อนปลูก มีค่าเป็นกรด มีอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ในดิน และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินมีค่าต่ำหลังเก็บเกี่ยวดินยังคงมีค่าความเป็นกรด แต่มีอินทรียวัตถุ และเปอร์เซ็นต์ไนโตรเจนในดินเพิ่มขึ้นทุกกรรมวิธี สำหรับฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ในดินต่ำ และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินมีค่าต่ำเช่นเดียวกันกับก่อนการปลูกงา สำหรับผลผลิตการใส่ปุ๋ยเคมีทุกอัตรางาให้ผลผลิตไม่แตกต่างจากการไม่ใส่ปุ๋ยเคมี คือ อยู่ระหว่าง 38.3 - 52.9 กก./ไร่ ทางด้านองค์ประกอบผลผลิต พบว่า การใส่ปุ๋ยอัตรา 16-8-0 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O ให้น้ำหนัก 1,000 เมล็ดสูงที่สุด และการใส่ปุ๋ยอัตรา 16-8-0 16-8-4 และ 16-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O งามีจำนวนฝัก และจำนวนข้อต่อต้นสูงที่สุดสำหรับจำนวนต้นเก็บเกี่ยวไม่แตกต่างกันทุกกรรมวิธี ทางด้านการเจริญเติบโต พบว่า การใส่ปุ๋ยอัตรา 8-8-8 16-8-0 และ 16-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O งามีความสูงเมื่อเก็บเกี่ยวสูงที่สุด และการไม่ใส่ปุ๋ยเคมีงามีการเจริญเติบโตทางด้านความสูงต่ำที่สุด ปี 2560 คุณสมบัติเคมีของดินก่อนปลูก และหลังเก็บเกี่ยวมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยงาให้ผลผลิตไม่แตกต่างกันในทุกกรรมวิธี คือ อยู่ระหว่าง 31.48 - 64.30 กก./ไร่ แต่มีความแปรปรวนสูงเนื่องจากเกิดการระบาดของมวนฝิ่นในช่วงการออกดอกและติดฝักทำให้กระทบต่อการให้ผลผลิตของงา สำหรับองค์ประกอบผลผลิต ได้แก่ น้ำหนัก 1,000 เมล็ด จำนวนต้นเก็บเกี่ยว จำนวนฝักต่อต้นไม่แตกต่างกัน ทางด้านการเจริญเติบโตวัดจากความสูงเมื่อเก็บเกี่ยวไม่แตกต่างกัน คือ อยู่ระหว่าง 92.6 - 117.8 ซม. ปี 2561 น ากรรมวิธีที่ดีที่สุดจากผลการศึกษาปี 2559 - 2560 ที่ทำให้งามีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูง มาทดสอบในสภาพแปลงใหญ่ โดยใช้ขนาดแปลง 20x20 เมตร ไม่มีแผนการทดลอง 4 กรรมวิธี คือ 1. ปุ๋ยเคมี อัตรา 4-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 2. ปุ๋ยเคมี อัตรา 16-8-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 3. ปุ๋ยเคมี อัตรา 16-8-0 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O 4. ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีพบว่า คุณสมบัติทางเคมีของดินก่อนปลูกมีค่าความเป็นกรด-ด่าง 5.16 อินทรียวัตถุ 0.81% ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ในดิน 8.42 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโพแทสเชียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดิน 18.40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และสำหรับผลวิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมีของดินหลังเก็บเกี่ยว ในกรรมวิธีที่ใส่ปุ๋ยเคมีดินมีค่าความเป็นกรดเพิ่มขึ้นการใส่ปุ๋ย 4-4-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O ดินมีอินทรียวัตถุเพิ่มขึ้น ทางด้านฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ในดิน และโพแทสเชียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินทุกกรรมวิธีมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยการใส่ปุ๋ย 4-8-8 กก./ไร่ของ N-P2O5-K2O งาให้ผลผลิตสูงที่สุด 53.29 กก./ไร่ ซึ่งสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยเคมี 63% สำหรับองค์ประกอบผลผลิต การใส่ปุ๋ย 4-4-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O มีจำนวนฝักต่อต้น และจำนวนข้อต่อต้นสูงที่สุดแต่น้ำหนัก 1,000 เมล็ดทุกกรรมวิธีมีค่าใกล้เคียงกัน คือ อยู่ระหว่าง 3.13 - 3.22 กรัม ทางด้านการเจริญวัดจากความสูงเมื่อเก็บเกี่ยว พบว่า การใส่ปุ๋ย 4-4-8 กก./ไร่ ของ N-P2O5-K2O มีความสูงมากที่สุด คือ 116.3 ซม. และการไม่ใส่ปุ๋ยมีความสูงน้อยที่สุดเพียง 66.5 ซม.

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 3 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 28-05-2568

แจ้งไฟล์หาย