คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การปรับปรุงพันธุ์งาฝักไม่แตกง่าย : การเปรียบเทียบมาตรฐาน

คำหลัก : งาฝักไม่แตกง่าย

ผู้วิจัย : จุไรรัตน์ หวังเป็น

ผู้ร่วมวิจัย : สมใจ โควสุรัตน์,ธำรง เชื้อกิตติศักดิ์,สาคร รจนัย,สมหมาย วังทอง

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 13 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          คัดเลือกสายพันธุ์งา จากแปลงเปรียบเทียบเบื้องต้น ในปี 2559 จำนวน 12 สายพันธุ์ และงาพันธุ์รับรอง 1 พันธุ์ คือ งาขาวร้อยเอ็ด1 เป็นพันธุ์ตรวจสอบ รวมทั้งสิ้น 13 พันธุ์/สายพันธุ์ นำเข้าปลูกเพื่อเปรียบเทียบมาตรฐาน 2 ปี คือ ปี 2560 และปี 2561 ในต้นและปลายฤดูฝน วางแผนการทดลองแบบ RCB จำนวน 3 ซ้ำ ผลการทดลองปี 2560 ต้นฤดูฝน ผลผลิตงามีความแตกต่างทางสถิติ สายพันธุ์NS56-27-1-10 มีผลผลิตสูงที่สุด คือ 84 กิโลกรัมต่อไร่ และมีค่าใกล้เคียงกับอีก 6 พันธุ์/สายพันธุ์ มีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 52 - 76 กิโลกรัมต่อไร่ เปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝักงามีความแตกต่างทางสถิติ สายพันธุ์NS56-41-4-3 มีเปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝักงาสูงที่สุด คือ 56.66 เปอร์เซ็นต์ ไม่แตกต่างทางสถิติกับสายพันธุ์NS56-39-7-3 คือ 44.72 เปอร์เซ็นต์ ปลายฤดูฝน ผลผลิตงามีความแตกต่างทางสถิติ สายพันธุ์NS56-15-5-6 มีผลผลิตสูงที่สุด คือ 98 กิโลกรัมต่อไร่ และมีค่าใกล้เคียงกับอีก 4 พันธุ์/สายพันธุ์ มีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 80 - 84 กิโลกรัมต่อไร่ เปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝักงามีความแตกต่างทางสถิติ สายพันธุ์NS56-41-4-3 มีเปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝักงาสูงที่สุด คือ 28.97 เปอร์เซ็นต์ ปี 2561 ได้เพิ่มพันธุ์ตรวจสอบอีก 1 พันธุ์ คือ ซีพลัส1 ต้นฤดูฝน ผลผลิตงามีความแตกต่างทางสถิติ สายพันธุ์NS56-27-4-5 มีผลผลิตสูงที่สุด คือ 119 กิโลกรัมต่อไร่ และมีค่าใกล้เคียงกับอีก 8 พันธุ์/สายพันธุ์ มีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 84 - 113 กิโลกรัมต่อไร่ เปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝักงามีความแตกต่างทางสถิติ พันธุ์ ซีพลัส1 มีเปอร์เซ็นต์ความต้านทานการแตกของฝักงาสูงที่สุด คือ 84.15 เปอร์เซ็นต์ ปลายฤดูฝน ผลผลิตงามีความแตกต่างทางสถิติ สายพันธุ์NS56-15-5-6 มีผลผลิตสูงที่สุด คือ 100 กิโลกรัมต่อไร่ และมีค่าใกล้เคียงกับอีก 5 พันธุ์/สายพันธุ์ มีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 80 - 91 กิโลกรัมต่อไร่ เปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝักงามีความแตกต่างทางสถิติ พันธุ์ซีพลัส1 มีเปอร์เซ็นต์ความต้านทานการแตกของฝักงาสูงที่สุด คือ 90.78 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบ เปอร์เซ็นต์ความต้านการแตกของฝัก และผลผลิต ทั้ง 2 ปี สามารถคัดสายพันธุ์งาได้ จำนวน 5 สายพันธุ์ คือ NS56-41-4-3 NS56-15-5-6 NS56-39-7-3 NS56-16-1-7 และ NS56-40-1-5 เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรต่อไป

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 10 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 29-05-2568

แจ้งไฟล์หาย