คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ประสิทธิภาพสารป้องกันกำจัดโรคราน้ำค้างในคะน้าสาเหตุจากเชื้อรา Peronospora parasitica

คำหลัก : คะน้า ราน้ำค้าง สารป้องกันกำจัดโรคพืช

ผู้วิจัย : บุษราคัม อุดมศักดิ์

ผู้ร่วมวิจัย : พีระวรรณ พัฒโนภาส,สุรีย์พร บัวอาจ

หน่วยงาน : สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 9 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          โรคราน้ำค้างผักคะน้า สาเหตุจากเชื้อรา Peronospora parasiticaPers. ex Fr. เป็นโรคที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจไทย พบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช แต่จะรุนแรงในระยะต้นอ่อนมากกว่าระยะต้นโต โดยพบได้ในทุกแหล่งปลูกคะน้า ในสภาพที่อากาศเย็น ความชื้นสูงโรคจะระบาดรุนแรง การพ่นด้วยสารเคมีซ้ำๆ และอัตราเดิม อาจทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมโรคไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัญหาการดื้อยาของเชื้อรา จึงได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพสารฯ จำนวน 9 ชนิด ในการป้องกันกำจัดโรคราน้ำค้างดังกล่าว ได้แก่ captan 50%WP mancozeb 80%WP chlorothalonil 75%WP copper hydroxide 77%WP benomyl 50%WP tridemorph 75%EC folpet 50%WP propamocarb hydrochloride 72.2%SL และ mancozeb + metalaxyl 68%WG ทำการทดลองที่แปลงเกษตรกร อ.ท่ามะกา และอ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559 ถึงเดือนเมษายน 2561 โดยวิธีพ่นทุก 5 วัน จำนวน 3 ครั้ง วางแผนการทดลองแบบ RCB 4 ซ้ำ บันทึกผลการทดลองโดยประเมินความรุนแรงของโรค นำมาคิดเป็นระดับความรุนแรงของโรคตั้งแต่ 0 ถึง 6 ผลการทดลองเมื่อพ่นสารฯ ครบ 3 ครั้ง พบว่า ทั้งสองแปลงทดลองเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ กรรมวิธีที่พ่นด้วยสารฯ mancozeb + metalaxyl 68%WG อัตรา 80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร สามารถควบคุมโรคราน้ำค้างได้สูงสุด รองลงมา ได้แก่ กรรมวิธีที่พ่นด้วยสารฯ mancozeb 80%WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อคิดต้นทุนเฉลี่ยของสารฯ พบว่าการพ่นด้วยสาร mancozeb + metalaxyl 68%WG และ mancozeb 80%WP ตลอดฤดูปลูกมีต้นทุนเฉลี่ยเท่ากับ 576 และ 90 บาทต่อไร่ ตามลำดับ

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 2 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 06-06-2568

แจ้งไฟล์หาย