คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ประสิทธิภาพสารป้องกันกำจัดวัชพืชชนิดใหม่ในคะน้า

คำหลัก :

ผู้วิจัย : ภัทร์พิชชา รุจิระพงศ์ชัย

ผู้ร่วมวิจัย : คมสัน นครศรี,อมฤต ศิริอุดม,อัณศยา สุริยะวงศ์ตระการ

หน่วยงาน : สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช

ปี: 2561

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 9 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การปลูกคะน้ามีปัญหาวัชพืชมากในช่วงหน้าฝนซึ่งเป็นระยะที่คะน้างอกแล้ว การใช้สารกำจัดวัชพืช น่าจะเป็นวิธีที่สามารถกำจัดวัชพืชที่งอกแล้วและควบคุมวัชพืชที่ยังไม่งอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการใช้สารกำจัดวัชพืชก่อนวัชพืชงอกในแปลงคะน้า และผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของคะน้าหลังการใช้สารกำจัดวัชพืช ได้ดำเนินการทดลองในแปลงเกษตรกรอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างเดือน ตุลาคม 2560 - กันยายน 2561 วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 3 ซ้ำ มี 15 กรรมวิธี ได้แก่ การพ่นสารกำจัดวัชพืช pendimethalin 33%W/V EC, dimethenamid 72%W/V EC, clomazone 48%W/V EC, s-metolachlor 96%W/V EC, acetochlor 50%W/V EC, oxyfluorfen 23.5%W/V EC, sulfentrazone 48%W/V EC, flumioxazin 50%WP, oxadiazon 25%W/V EC metolachlor 72%W/V EC, trifluralin 48%W/V EC, alachlor 48%W/V EC อัตรา 231, 100.8, 115.2, 192, 250, 47, 115.2, 15, 100, 288, 288 และ 338 กรัมสารออกฤทธิ์/ไร่ พ่นคลุมดินก่อนหว่านเมล็ด 7 วัน เปรียบเทียบกับกรรมวิธีกำจัดวัชพืชด้วยมือ และไม่กำจัดวัชพืช พบว่า การพ่นสารกำจัดวัชพืช clomazone 48%EC ใบคะน้ามีอาการขาวซีดถึงระยะ 15 วันหลังพ่นสาร และสามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติและการใช้สารกำจัดวัชพืช trifluralin 48%W/V EC, clomazone 48%W/V EC และ oxadiazon 25%W/V EC สามารถควบคุมวัชพืชได้ดีและยาวนานถึง 60 วันหลังพ่นสาร ไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตอีกทั้งยังมีแนวโน้มให้ผลผลิตสูงมากที่สุด อีกทั้งยังมีต้นทุนการกำจัดวัชพืชน้อยกว่าการกำจัดวัชพืชด้วยมือ

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 4 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 06-06-2568

แจ้งไฟล์หาย