คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ต่างๆ

คำหลัก : ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อายุเก็บเกี่ยว

ผู้วิจัย : อนุวัฒน์ รัตนชัย

ผู้ร่วมวิจัย : จารุวรรณ บางแวก

หน่วยงาน : กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร

ปี: 2560

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 11 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความต้องการสูง ปัจจุบันความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์อายุเก็บเกี่ยวเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะมีผลต่อการสูญเสียผลผลิตและคุณภาพผลผลิต การทดลองนี้เพื่อหาอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมเพื่อลดการสูญเสีย ทั้งปริมาณและคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆ เริ่มปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เดือนกรกฎคม และเก็บเกี่ยวเดือนตุลาคม ปี 2559 โดยวางแผนการทดลองแบบ Split plot โดยมีปัจจัยหลัก คือ พันธุ์จำนวน 2 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์นครสวรรค์3 และCP 888 New มีปัจจัยรอง คือ อายุเก็บเกี่ยว 4 ระยะ คือ 30 37 44 และ 51 วันหลังออกดอกตัวผู้ จำนวน 4 ซ้ำ ปลูก 2 แห่ง คือ จังหวัดนครสวรรค์ และนครราชสีมา บันทึกข้อมูลน้ำหนักเมล็ดในพื้นที่เก็บเกี่ยว 9 ตารางเมตร นำผลผลิตมาวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี คือ ความชื้นเมล็ด โปรตีน ไขมัน เส้นใย เถ้า อมิโลส ความหนืดสูงสุดปริมาณและชนิดน้ำตาล สารแอฟลาทอกซิน จากการทดลองพบว่า น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยพันธุ์นครสวรรค์3 ที่ปลูกในจังหวัดนครสวรรค์ 30 37 44 และ 51 วันหลังออกดอก คือ 3.35 6.12 6.80 และ 5.08 กิโลกรัม ความชื้นของเมล็ดเฉลี่ย 35.75 30.00 24.50 และ 20.50% ตามลำดับ ส่วนพันธุ์CP 888 New ที่ปลูกในจังหวัดนครสวรรค์ ที่เก็บเกี่ยว 30 37 44 และ 51 วันหลังออกดอก น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ย 1.22 2.85 3.61 และ 4.74 กิโลกรัม ความชื้นของเมล็ดเฉลี่ย 37.25 30.75 25.75 และ 21.50% ตามลำดับ จากการทดลองจะเห็นได้ว่าน้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยพันธุ์นครสวรรค์3 ที่เก็บเกี่ยว 44 วันหลังออกดอก สูงสุดแต่ไม่แตกต่าง ที่เก็บเกี่ยว 37 วันหลังออกดอก และความชื้นของเมล็ดเฉลี่ยต่ำกว่า ส่วนพันธุ์CP 888 New ที่เก็บเกี่ยว 51 วันหลังออกดอก มีน้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยสูงสุดแต่ไม่แตกต่างและความชื้นของเมล็ดเฉลี่ยต่ำกว่าที่เก็บเกี่ยว 44 วันหลังออกดอก และเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 2 พันธุ์ พบว่า น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยของพันธุ์นครสวรรค์3 สูงกว่าพันธุ์CP 888 New ที่เก็บเกี่ยว 30 37 และ 44 วันหลังออกดอก ส่วนที่เก็บเกี่ยว 51 วันหลังออกดอก ไม่แตกต่างกัน องค์ประกอบทางเคมี เช่น ปริมาณโปรตีนเฉลี่ยของพันธุ์นครสวรรค์3 และพันธุ์CP 888 New ไม่แตกต่างกัน คือ 8.34 และ 8.21% ตามลำดับ ปริมาณอมิโลสเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน คือ 20.71 และ 21.74% ตามลำดับ ปริมาณน้ำตาลกลูโคสเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน คือ 1.16 และ 1.08% ตามลำดับ ดังนั้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกในจังหวัดนครสวรรค์ พันธุ์นครสวรรค์3 อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม คือ เก็บเกี่ยว 44 วันหลังออกดอก ส่วนพันธุ์CP 888 New อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม คือ เก็บเกี่ยว 51 วันหลังออกดอก ส่วนพันธุ์นครสวรรค์3 ที่ปลูกในจังหวัดนครราชสีมา ที่เก็บเกี่ยว 30 37 44 และ 51 วันหลังออกดอก น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ย 8.82 8.63 7.26 6.24 กิโลกรัม ความชื้นของเมล็ดเฉลี่ย 34.27 31.31 28.65 และ 25.91% ตามลำดับ ส่วนพันธุ์CP 888 New ที่เก็บเกี่ยว 30 วันหลังออกดอก น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ย 9.82 8.89 8.77 และ 7.21 กิโลกรัม ความชื้นของเมล็ดเฉลี่ย 33.97 30.14 28.24 และ 24.00% ตามลำดับ จะเห็นว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกในจังหวัดนครราชสีมา พันธุ์CP 888 New มีน้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์นครสวรรค์3 และที่อายุเก็บเกี่ยว 30 วันหลังออกดอก น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยสูงที่สุดแต่ไม่แตกต่างที่อายุเก็บเกี่ยว 37 วันหลังออกดอก แต่ความชื้นเมล็ดสูงกว่า 30% ทำให้เพิ่มต้นทุนการลดความชื้น ปริมาณโปรตีนเฉลี่ยของพันธุ์นครสวรรค์3 และพันธุ์ CP 888 New ไม่แตกต่างกัน คือ 9.05 และ 7.69% ตามลำดับ ปริมาณอมิโลสเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน คือ 19.11 และ 21.19% ตามลำดับ ปริมาณน้ำตาลกลูโคสเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน คือ 1.16 และ 1.24% ตามลำดับ ดังนั้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมที่ปลูกในจังหวัดนครราชสีมา พันธุ์นครสวรรค์3 และพันธุ์CP 888 New ควรเก็บเกี่ยวที่อายุเก็บเกี่ยว 44 วันหลังออกดอก องค์ประกอบทางเคมีไม่แตกต่างกันมาก

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 4 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 16-06-2568

แจ้งไฟล์หาย