คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ผลของการใช้สารชะลอการเจริญเติบโตบางชนิดต่อการหักล้มของกล้วยไข่

คำหลัก :

ผู้วิจัย : รัชนี ฉัตรบรรยงค์

ผู้ร่วมวิจัย : ทวีศักดิ์ แสงอุดม, วรางคณา มากกำไร, รุ้งลาวัลย์ อินต๊ะวงค์, เพ็ญจันทร์ สุทธานุกูล

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี สถาบันวิจัยพืชสวน ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย

ปี: 2560

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 12 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การหักล้มของกล้วยไข่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำความเสียหายแก่ผลผลิตของเกษตรกร จึงได้ศึกษาวิธีการลดปริมาณการสูญเสียดังกล่าวโดยใช้สารชะลอการเจริญเติบโต 2 ชนิด คือ สารแพกโคลบิวทราซอล และสารยูนิโคนาซอล ที่มีต่อการเจริญเติบโต ผลผลิตและการหักล้มของกล้วยไข่ ดำเนินการระหว่างตุลาคม 2558 - กันยายน 2560 ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย การดำเนินงานแบ่งเป็น 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมที่ 1 การใช้สารแพกโคลบิวทราซอลต่อการหักล้มของกล้วยไข่ วางแผนการทดลองแบบ RCBD ทำ 4 ซ้ำ มี 5 กรรมวิธี คือ ไม่ใช้สาร (control) ราดสารแพกโคลบิวทราซอล อัตรา 60 90 120 และ 150 ppm กิจกรรมที่ 2 การใช้สารยูนิโคนาซอล วางแผนการทดลองแบบ RCBD ทำ 4 ซ้ำ มี 5 กรรมวิธี ดังนี้ ไม่ใช้สาร (control) ราดสารยูนิโคนาซอล อัตรา 6 9 12 และ 15 ppm โดยทำการราดสารหลังปลูก 4 เดือน ต้นละ 5 ลิตร ผลการทดลองพบว่า การราดสารแพกโคลบิวทราซอล อัตรา 120 และ 150 ppm ช่วยให้ความสูงต้นเมื่อระยะออกปลี (อายุ 8 เดือน) ลดลง 29.3 - 33.4 เปอร์เซ็นต์ และความยาวใบลดลง 15.12 - 16.44 เปอร์เซ็นต์ แตกต่างทางสถิติเมื่อเทียบกับต้นที่ไม่ได้ราดสาร ส่วนการใช้สารแพกโคลบิวทราซอลในอัตราต่ำ คือ 60 และ 90 ppm ไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตด้านเส้นรอบวงต้น จำนวนใบ/ต้น ความกว้างใบ และจำนวนต้น/กอ โดยไม่แตกต่างกับการไม่ได้ราดสาร ด้านผลผลิตพบว่า การราดสารแพกโคลบิวทราซอล ทุกอัตราให้น้ำหนักเครือ น้ำหนักหวี จำนวนผล/หวี น้ำหนัก/ผล ความกว้างและความยาวผลไม่แตกต่างกับการไม่ราดสาร แต่มีแนวโน้มว่าการใช้แพกโคลบิวทราซอลอัตรา 150 ppm ให้น้ำหนักต่อหวีมากกว่าการไม่ราดสาร 7.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการหักล้มในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งเกิดฝนตกหนักและลมพายุทำให้ต้นกล้วยไข่หักล้มจำนวนมาก โดยพบว่าการไม่ราดสาร (control) มีการหักล้มมากสุด 78 เปอร์เซ็นต์ รองมา คือ การราดสารแพกโคลบิวทราซอล 60 ppm มีการหักล้ม 70 เปอร์เซ็นต์ การราดสารแพกโคลบิวทราซอล 90 120 และ 150 ppm มีการหักล้ม 57 54 และ 52 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
          สำหรับการใช้สารยูนิโคนาซอล อัตรา 6 9 12 และ 15 ppm เมื่อกล้วยไข่อายุ 8 เดือน พบว่าการใช้สารยูนิโคนาซอลทุกอัตราไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตด้านเส้นรอบวง ความสูงต้น จำนวนใบ/ต้น ความกว้างใบความยาวใบและการแตกหน่อ การให้สารอัตรา 6 และ 12 ppm ให้น้ำหนักเครือมากกว่าการไม่ราดสาร ส่วนการหักล้มพบว่าหลังปลูกในเดือนพฤษภาคม 2560 มีฝนตกหนักและลมพายุทำให้ต้นกล้วยไข่หักล้มจำนวนมาก โดยทุกกรรมวิธีที่มีการหักล้มระหว่าง 61 - 75 เปอร์เซ็นต์ ไม่แตกต่างกันทางสถิติ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตทั้ง 2 ชนิดไม่มีผลผลผลิตของกล้วยไข่ การใช้สารแพกโคลบิวทราซอลความเข้มข้นสูงขึ้นทำให้ความสูงของต้นลดลงและลดการหักล้มได้ 21 - 26 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการใช้สารยูนิโคนาซอล อัตรา 6 - 15 ppm ไม่มีผลต่อความสูงต้นและเปอร์เซ็นต์การหักล้มดังกล่าว

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 5 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 16-06-2568

แจ้งไฟล์หาย