คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

สถานการณ์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเทคโนโลยีการผลิตงาในแหล่งปลูกที่สำคัญ

คำหลัก : การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีการผลิตงา แหล่งปลูกที่สำคัญ

ผู้วิจัย : อรอนงค์ วรรณวงษ์

ผู้ร่วมวิจัย : บุญเหลือ ศรีมุงคุณ, ลักขณา ร่มเย็น, ประภาพร แพงดา, พรพรรณ สุทธิแย้ม, จำลอง กกรัมย์

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่

ปี: 2559

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 1 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การศึกษาสถานการณ์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเทคโนโลยีการผลิตงาในแหล่งปลูกที่สำคัญ ดำเนินการระหว่าง ปี 2557 - 2559 เป็นการวิจัยเชิงสำรวจในระดับไร่นาของเกษตรกร รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร รายงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ วางแผน ออกแบบสัมภาษณ์และสำรวจพื้นที่ปลูกงาในแหล่งปลูกสำคัญของประเทศสัมภาษณ์เกษตรกร จำนวน 70 ราย พบว่า การปลูกงาของเกษตรกร ภาคกลางที่จังหวัดลพบุรี และนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรีส่วนใหญ่ปลูกงาดำแดงพันธุ์พื้นเมือง โดยวิธีหว่านอัตราเมล็ด 1.2 - 2 กก./ไร่ ต้นฤดูฝนปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน ปลูกมากในเขตอำเภอบ้านหมี่ หนองม่วง และโคกสำโรง ในสภาพไร่ และสภาพนา ปลายฤดูฝนปลูกสภาพไร่ เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม จังหวัดนครสวรรค์ ปลูกงาเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม พันธุ์ที่ใช้งาดำแดงพันธุ์พื้นเมือง งาดำมก.18 และงาดำ CM07 ในสภาพไร่ โดยวิธีหว่านอัตราเมล็ด 1.2 - 2 กก./ไร่ ภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดเพชรบูรณ์ เขตอำเภอบึงสามพัน และหนองไผ่ ปลูกงาดำแดงพันธุ์พื้นเมืองโดยวิธีหว่าน อัตราเมล็ด 1.2 - 2 กก./ไร่ เดือนมีนาคมถึงเมษายน ในสภาพนา ภาคเหนือตอนบน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นการปลูกในสภาพไร่ ปลูกเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ส่วนใหญ่ปลูกงาดำพันธุ์พื้นเมือง และงาขาวพื้นเมือง ปลูกโดยวิธีหว่านอัตราเมล็ด 0.5 - 2 กก./ไร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และร้อยเอ็ด ปลูกสภาพนาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม โดยวิธีหว่าน อัตราเมล็ด 1 - 2 กก./ไร่ พันธุ์ที่ใช้งาดำพันธุ์พื้นเมือง และงาดำพันธุ์อุบลราชธานี3 พื้นที่ปลูกงาลดลงค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ที่มีพื้นที่ปลูกงาทั้งประเทศ 413,406 ไร่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะฝนแล้งโดยเฉพาะฝนต้นฤดูทำให้แปลงงาได้รับความเสียหาย บางพื้นที่จึงไม่มีพื้นที่ปลูกงา หรือมีพื้นที่ปลูกลดลง ตั้งแต่ปี 2555/2556 โดยเฉพาะเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเขตภาคกลางที่เป็นแหล่งปลูกงาแหล่งใหญ่ของประเทศไทย ข้อมูลสภาพภูมิอากาศย้อนหลัง ปี 2514 - 2543 (คศ. 1971 - 2000) ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน ซึ่งเป็นฤดูกาลเพาะปลูกงา เมื่อเปรียบเทียบกับ ปี 2555 - 2559 (คศ. 2012 – 2016) พบว่า ปริมาณฝนจะมาช้ากว่า ปริมาณฝนและจำนวนวันฝนตกจะลดลงกว่าปี 2514 - 2543 และพบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของทุกสถานที่ มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น ปัญหาที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อพื้นที่ปลูกงา คือ ความแปรปรวนของสภาพฟ้าอากาศโดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนที่มาล่าช้าหรือมีปริมาณน้อยและฝนทิ้งช่วง เพราะการปลูกงาของเกษตรกรยังเป็นการปลูกที่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก บางพื้นที่เกษตรกรปลูกงาไปแล้วแต่ไม่มีฝนตกที่จะช่วยให้งาเจริญเติบโต ทำให้แปลงงาเสียหายหรือได้ผลผลิตน้อย ทำให้เกษตรกรบางพื้นที่หันไปปลูกพืชอื่น เช่น มันสำปะหลัง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง อ้อย และยาสูบ เป็นต้น

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 0 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 25-08-2568

แจ้งไฟล์หาย