คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การใช้ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมัน

คำหลัก :

ผู้วิจัย : เกริกชัย ธนรักษ์

ผู้ร่วมวิจัย : อรรัตน์ วงศ์ศรี,จิราพรรณ สุขชิต,วรกร สิทธิพงษ์,มนตรี ปานตู,ประพันธ์ ประเสริฐศักดิ์,จิตรลดา ทองสอดแสง,กัญญรัตน์ จำปาทอง,ชญาดา ดวงวิเชียร,สุภาพร ธรรมสุระกุล,สุปรานี มั่นหมาย,นิศารัตน์ ทวีนุต,ศิริลักษณ์ แก้วสุรลิขิต,สุรัตนา เสนาะ

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปทุมธานี ส้านักวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร

ปี: 2558

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 16 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การศึกษาการใช้ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมัน โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 4 การทดลองย่อย สามารถสรุปเป็นการทดลองย่อยได้ดังนี้ การศึกษาผลของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้าปาล์มน้ำมัน ซึ่งได้แบ่งการทดลองออกเป็น 2 การทดลองตามชนิดของเชื้อจุลินทรีย์ดิน ประกอบด้วย 5 กรรมวิธีเหมือนกัน คือ กรรมวิธีที่ 1 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ กรรมวิธีที่ 2, 3 และ 4 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ 75 %, 50% และ 25% ตามลำดับ ร่วมกับอาบัสคูลาร์ไมโคไรซาหรือจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต อัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน ส่วนกรรมวิธีที่ 5 ใช้อาบัสคูลาร์ไมโคไรซาหรือจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต อัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน (ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี) พบว่า การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับอาบัสคูลาร์ไมโครไรซาและจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตช่วยให้ต้นกล้าปาล์มน้ำมันมีการเจริญเติบโตที่ดี (การสะสมน้ำหนักแห้งของต้นกล้า จำนวนใบ และพื้นที่ใบปาล์มน้ำมัน) ไม่แตกต่างกับการใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำสำหรับต้นกล้าปาล์มน้ำมันในระยะอนุบาลแรก แต่การใช้อาบัสคูลาร์ไมโครไรซาและจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตร่วมกับปุ๋ยเคมี สามารถใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่น้อยกว่าปกติได้ถึง 75% จึงเป็นการลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีต่อต้นลงได้
          สำหรับการศึกษาผลของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดต่อการเจริญเติบโตของต้นปาล์มน้ำมันปลูกใหม่และต้นปาล์มน้ำมันอายุมากกว่า 7 ปี โดยมีกรรมวิธีศึกษาเหมือนกันประกอบด้วย 9 กรรมวิธี คือ กรรมวิธีที่ 1 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ กรรมวิธีที่ 2 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ 75% ร่วมกับอาบัสคูลาร์ไมโคไรซาอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรรมวิธีที่ 3 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ 50% ร่วมกับอาบัสคูลาร์ไมโคไรซาอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรรมวิธีที่ 4 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ 25% ร่วมกับอาบัสคูลาร์ไมโคไรซาอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรรมวิธีที่ 5 ใช้อาบัสคูลาร์ไมโคไรซาอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน (ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี) กรรมวิธีที่ 6 ใช้ปุ๋ยเคมีคำแนะนำของศูนย์ฯ 75% ร่วมกับจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรรมวิธีที่ 7 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ 50% ร่วมกับจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรรมวิธีที่ 8 ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ 25% ร่วมกับจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรรมวิธีที่ 9 ใช้จุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตอัตราตามคำแนะนำของกลุ่มวิจัยจุลินทรีย์ดิน (ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี) พบว่า ในต้นปาล์มน้ำมันปลูกใหม่เมื่อเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันเพียงอย่างเดียวกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ ทั้งอาบัสคูลาร์ไมโคไรซา และจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตร่วมกับปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ ร้อยละ 75 และ 50 ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันมีการเจริญเติบโตไม่แตกต่างกัน แต่แตกต่างกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกันกับผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ผลผลิตทะลายสด และจำนวนทะลายปาล์มน้ำมัน ที่ใช้ทั้งอาบัสคูลาร์ไมโคไรซา และจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตร่วมกับปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯร้อยละ 75 และ 50 ตามลำดับ ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันมีผลผลิตทะลายสดปาล์มน้ำมัน เท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ เพียงอย่างเดียว ซึ่งการใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลงก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นระยะแรกของการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมัน จึงควรบันทึกข้อมูลต่อไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน และในต้นปาล์มน้ำมันอายุมากกว่า 7 ปีพบว่า เมื่อเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันเพียงอย่างเดียวกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ ทั้งอาบัสคูลาร์ไมโคไรซา และจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตร่วมกับปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ และการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันมีการเจริญเติบโตไม่แตกต่างกัน เช่นเดียวกันกับผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ผลผลิตทะลายสด และจำนวนทะลายปาล์มน้ำมันที่ใช้ทั้งอาบัสคูลาร์ไมโคไรซา และจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตร่วมกับปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำของศูนย์ฯ และการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพียงอย่างเดียวในต้นปาล์มน้ำมันที่อายุมากๆ ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันมีผลผลิตไม่แตกต่างกัน ซึ่งการใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลงก็ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงด้วยเช่นกัน
          จากการศึกษาผลการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและความเข้มข้นของธาตุอาหารในใบปาล์มน้ำมันในไร่เกษตรกร ตำบลบึงกาสาม อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อคสมบูรณ์ (Randomized Completely Block Design) มี 4 ซ้ำ ประกอบด้วย 5 กรรมวิธี คือ 1) ใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตร 2) ใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตรร่วมกับแหนแดง 3) ใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตรร่วมกับแหนแดงแต่ใส่ไนโตรเจน 75% 4) ใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตรร่วมกับแหนแดงแต่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 50% และ 5) ใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตรร่วมกับแหนแดงแต่ใส่ไนโตรเจน 25% ปลูกปาล์มน้ำมันพันธุ์โกลเด้นเทเนอราในร่องสวนส้มเก่า 2 แถว/1 ร่องน้ำ มีระยะปลูก 9 x 9 x 9 เมตร ปลูกเดือนมิถุนายน 2554 ดูแลรักษา ก้าจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ยตามกรรมวิธีต่างๆ เก็บข้อมูลการเจริญเติบโต และวิเคราะห์ความเข้มข้นของธาตุอาหารในดินและใบปาล์มน้ำมัน ผลการทดลองพบว่า การใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตรร่วมกับแหนแดง ปาล์มน้ำมันที่อายุ 28 เดือน มีแนวโน้มการเจริญเติบโตดีกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตรเพียงอย่างเดียว โดยมีจำนวนทางใบเพิ่ม 18.17 ทางใบ/6 เดือน, พื้นที่ใบ 5.78 ตารางเมตร และความยาวทางใบ 327 เซนติเมตร และการใส่แหนแดงอัตรา 20 กิโลกรัม/ต้น/ปี สามารถลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนได้ 25% ของคำแนะนำกรมวิชาการเกษตร โดยที่ปาล์มน้ำมันยังมีการเจริญเติบโตที่ไม่แตกต่างทางสถิติกับกรรมวิธีที่ไม่ลดปุ๋ยไนโตรเจน และยังมีค่าความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจนในใบอยู่ในช่วงที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของปาล์มน้ำมัน คือ 2.59 – 3.10%

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 9 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 24-09-2568

แจ้งไฟล์หาย