คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ระบบการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทนทานแล้งในเขตจังหวัดนครสวรรค์

คำหลัก : ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยมูลไก่แกลบ การจัดการธาตุอาหาร

ผู้วิจัย : ดาวรุ่ง คงเทียน

ผู้ร่วมวิจัย : ศุภกาญจน์ ล้วนมณี,สำราญ พึ่งพุ่ม,อภิชาติ สุพรรณรัตน์

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์

ปี: 2558

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 12 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การทดสอบและพัฒนาระบบการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทนทานแล้ง ในเขตจังหวัดนครสวรรค์ในปี 2554 ได้ดำเนินการใน 3 ชุดดิน คือ ชุดดินตาคลี ลพบุรี และสมอทอด เริ่มปลูกตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2554 กรรมวิธีประกอบด้วย 1) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมทนทานแล้งพันธุ์นครสวรรค์3 2) พันธุ์ที่เกษตรกรปลูก NK 48 ปรับปรุงดินด้วยมูลไก่แกลบอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ ผลการทดลองพบว่า ชุดดินสมอทอด และลพบุรี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมทนทานแล้งพันธุ์นครสวรรค์3 ให้ผลผลิตเฉลี่ยสูง 939 และ 834 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์การค้า NK 48 ที่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 911 และ 775 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ในชุดดินตาคลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมทนทานแล้งพันธุ์นครสวรรค์3 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,139 กิโลกรัมต่อไร่ ต่ำกว่าพันธุ์การค้า NK 48 ให้ผลผลิตเฉลี่ยสูง 1,207 กิโลกรัมต่อไร่ ปี 2555 ทดสอบในไร่เกษตรกร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ โดยปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมทนทานแล้งพันธุ์นครสวรรค์3 เปรียบเทียบกับพันธุ์ที่เกษตรกรปลูก พบว่า พันธุ์นครสวรรค์3 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,269 และ 1,229 กิโลกรัมต่อไร่ ต่ำกว่าพันธุ์การค้า DK 9901 และพันธุ์ฟ้าใส ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,383 และ 1,356 กิโลกรัมต่อไร่ ปี 2556 - 2558 ทดสอบในไร่เกษตรกร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ทดสอบการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร เปรียบเทียบกับวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกร ปี 2556 การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่า
วิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร ให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเฉลี่ยสูง 1,090 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกร ให้ผลผลิตเฉลี่ย 954 กิโลกรัมต่อไร่ วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร ให้ผลผลิตและรายได้สุทธิ 3,817 บาทต่อไร่ สูงกว่าวิธีเกษตรกร 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนรายได้ต่อการลงทุน (Benefit Cost Ratio, BCR) วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร และวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรมีค่าใกล้เคียงกัน 2.03 และ 2.00 ปี 2557 การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร ให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเฉลี่ยสูง 1,037 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรที่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 955 กิโลกรัมต่อไร่ วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร ให้ผลผลิตสูงกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ และรายได้สุทธิเฉลี่ย 4,881 บาทต่อไร่ แต่วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรมีรายได้สุทธิเฉลี่ย 5,173 บาทต่อไร่สูงกว่าวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร 7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนรายได้ต่อการลงทุน (Benefit Cost Ratio, BCR) พบว่า วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตรและวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกร มีค่า BCR 2.47 และ 2.80 ปี 2558 การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร ให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเฉลี่ยสูง 830 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าวิธีเกษตรกร 18 เปอร์เซ็นต์ และรายได้สุทธิเฉลี่ย 3,176 บาทต่อไร่ สูงกว่าวิธีเกษตรกร 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนรายได้ต่อการลงทุน (Benefit Cost Ratio, BCR) พบว่า วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกร และวิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตรมีค่า BCR 2.14 และ 1.92 วิธีการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร เป็นวิธีที่ควรปฏิบัติเพราะเป็นการใส่ที่ถูกต้องและเหมาะสม ให้ผลผลิตข้าวโพดเพิ่มขึ้น และมีความเสี่ยงน้อย คุ้มค่าต่อการลงทุน

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 6 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 26-09-2568

แจ้งไฟล์หาย