คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

การคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดตักหงาย

คำหลัก :

ผู้วิจัย : สุขุม ขวัญยืน

ผู้ร่วมวิจัย : อนงค์นาฏ ชมภูแก้ว,ปรีชา แสงโสดา,สุภาพร สุขโต

หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุทัยธานี

ปี: 2558

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 11 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดตักหงายมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ให้มีลักษณะตรงตามพันธุ์ซึ่งข้าวโพดตักหงายมีลักษณะประจำพันธุ์ คือ รากเป็นระบบรากแขนงพบอยู่ในความลึกไม่เกิน 75 เซนติเมตร การเจริญเติบโตเป็นไปในทางขนานกับผิวดิน มีระบบรากอากาศ ลำต้นตั้งตรงมีข้อและปล้องถี่ ลำต้นมีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ ใบ ขนาดเล็ก สั้น ตั้งชัน 45 องศากับลำต้น ดอกตัวผู้มีสีขาวอมเหลือง ก้านชูดอกสั้น ดอกตัวเมียสีขาวอมเหลือง เมื่อผสมเกสรแล้วดอกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงน้ำตาลดำ ฝักมีขนาด10 - 15 เซนติเมตร มีจำนวนฝักต่อต้นตั้งแต่ 4 - 6 ฝัก เมล็ดสีขาว เมื่อแก่จัดเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม จากนั้นนำมาเปรียบเทียบและทดสอบพันธุ์ทำการปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ข้าวโพดตักหงายสายพันธุ์ก้าวหน้าจำนวน 13 สายพันธุ์ และสายพันธุ์เกษตรกรจำนวน 5 สายพันธุ์พบว่า พันธุ์ที่ออกดอกเร็ว คือ C52-45-1-1-4-BS, C52-12-2-7-4-BS, โสกีและคู่ ส่วนพันธุ์ที่ออกไหมเร็วคือ คู่ ความสูงต้นและความสูงฝักของสายพันธุ์ทดสอบเฉลี่ย 163 และ 91 เซนติเมตร โดยพันธุ์สงการมีความสูงของต้นและฝักมากสุดคือ 185 เซนติเมตรและ 109 เซนติเมตร ผลผลิตของพันธุ์ทดสอบเฉลี่ย 1,001 กิโลกรัมต่อไร่ พันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงคือ C52-45-1-1-4-BS ผลผลิต 1,234 กิโลกรัมต่อไร่ รองลงมาคือ พันธุ์จากการคัดเลือกรวม 1,229 กิโลกรัมต่อไร่ และ C52-45-6-3-5-BS 1,182 กิโลกรัมต่อไร่ พันธุ์C52-45-1-1-4-BS มีจำนวนฝักต่อต้นต่อไร่มากที่สุดจำนวน 15,571 ฝัก พันธุ์คู่มีอัตราแลกเนื้อจำนวน 10 ฝักสูงสุดคือ 386 กรัม รองลงมาคือ วันชัย และC52-45-1-1-4-BS อัตราแลกเนื้อ 368 กรัม และ 363 กรัม

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 5 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 30-09-2568

แจ้งไฟล์หาย