คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร

รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา

ผลของปุ๋ยฟอสเฟสต่อการสะสมไฟเตทในถั่วเหลือง

คำหลัก : ไฟเตท ถั่วเหลือง ธาตุเหล็ก

ผู้วิจัย : ฉัตรสุดา เชิงอักษร

ผู้ร่วมวิจัย : ละอองดาว แสงหล้า,กัลยา วิธี

หน่วยงาน : สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่

ปี: 2558

ประเภทผลงาน: ผลงานวิจัยเรื่องเต็ม

จำนวนผู้อ่าน: 8 ครั้ง

บทคัดย่อ (Abstract)

          การเพิ่มคุณค่าในตัวถั่วเหลืองในรูปของสารสำคัญเพื่อรองรับการผลิตถั่วเหลืองเพื่อเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ โดยการศึกษาเทคโนโลยีการจัดการธาตุอาหาร ในส่วนของปุ๋ยฟอสฟอรัสที่เหมาะสมต่อการลดปริมาณไฟเตท เพื่อผลิตถั่วเหลืองให้มีธาตุเหล็กสูงและหรือมีสารไฟเตทต่ำ เพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุเหล็กที่มีต่อร่างกายเพิ่มขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและเทคโนโลยีการผลิตถั่วเหลืองให้มีปริมาณธาตุเหล็กสูงและหรือไฟเตทต่ำ ดำเนินการทดลองปลูกถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่6 ในดินที่มีความเป็นกรด-ด่างต่างกัน ในสภาพกระถางและในสภาพไร่ของเกษตรกร อ.แม่แตง และอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระหว่างปี 2556 - 2558 ปฏิบัติดูแลรักษาถั่วเหลืองตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ทดสอบผลของปุ๋ยฟอสเฟสจำนวน 6 กรรมวิธี ได้แก่
          กรรมวิธีที่ 1 : 3 – 0 – 6 (กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่)
          กรรมวิธีที่ 2 : 3 – 3 – 6 (กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่)
          กรรมวิธีที่ 3 : 3 – 6 – 6 (กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่)
          กรรมวิธีที่ 4 : 3 – 9 – 6 (กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ : อัตราปุ๋ยแนะนำ - ถั่วเหลือง)
          กรรมวิธีที่ 5 : 3 – 12 – 6 (กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่)
          กรรมวิธีที่ 6 : 3 – 15 – 6 (กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่)
          พบว่า ในดินด่าง การใส่ปุ๋ย N-P2O5-K2O ที่ระดับของ P2O5 ที่แตกต่างกันไม่ทำให้การสะสมไฟเตสในเมล็ดถั่วเหลืองแตกต่างกัน โดยมีการสะสมไฟเตสต่ำสุด ที่ 1.23 กรัมต่อเมล็ด 100 กรัม ในขณะที่ดินที่มีความเป็นกรด การใส่ปุ๋ย N-P2O5-K2O ที่ระดับ P ต่างกันทำให้มีการสะสมไฟเตสในเมล็ดแตกต่างกันทางสถิติ คือ การไม่ใส่ปุ๋ยฟอสเฟสทำให้มีการสะสมไฟเตทต่ำสุดที่ 0.55 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม การใส่ปุ๋ย N-P2O5-K2O ที่ระดับ 3-3-6 มีการสะสมไฟเตท 0.67 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม ในกลุ่มการใส่ปุ๋ย P2O5 ระดับ 6 9 และ 12 กิโลกรัมต่อไร่ ไม่ทำให้ไฟเตทในเมล็ดถั่วเหลืองแตกต่างกันทางสถิติ คือ 0.78 0.82 และ 0.78 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม แต่หากเพิ่มระดับ P2O5 ระดับ 15 กิโลกรัมต่อไร่ จะมีการสะสมสูงสุด ที่ 1.06 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม ในดินของเกษตรกรซึ่งมีสภาพความเป็นกรดอ่อน พบว่า การไม่ใส่ปุ๋ยฟอสเฟส ทำให้การสะสมไฟเตสต่ำสุดที่ไม่มีการใส่ปุ๋ยฟอสเฟส คือ 0.73 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัม และเมื่อใส่ปุ๋ยฟอสเฟสเพิ่มขึ้นจะทำให้มีการสะสมไฟเตทเพิ่มขึ้น ตามลำดับ โดยสะสมไฟเตทในเมล็ดสูงสุดเมื่อใส่ปุ๋ยสูงสุดที่ระดับ 15 กิโลกรัม P2O5 ต่อไร่ มีไฟเตท 1.20 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 100 กรัมในสภาพไร่ของเกษตรกร ฤดูแล้งปี 2558 พบว่า ผลผลิตถั่วเหลืองอยู่ระหว่าง 260 – 299 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยฟอสเฟสที่ระดับต่างกันไม่ทำให้ผลผลิตน้ำหนัก 100 เมล็ด และการสะสมไฟเตสในเมล็ดมีความแตกต่างทางสถิติ และฤดูฝนปี 2558 ในสภาพไร่ของเกษตรกร อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบว่า ผลผลิตถั่วเหลือง 211 – 280 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักเมล็ด 100 เมล็ด อยู่ระหว่าง 12.75 – 14.63 โดยน้ำหนักเมล็ดสูงสุดเมื่อใส่ปุ๋ย N-P2O5-K2O ที่ระดับ 3-12-6 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 100 เมล็ด วัดได้ที่ 14.63 กรัม การใส่ปุ๋ยฟอสเฟสที่ระดับต่างกันไม่ทำให้การสะสมไฟเตสในเมล็ดมีความแตกต่างทางสถิติพบว่าการใส่ปุ๋ยฟอสเฟสที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำให้การสะสมไฟเตทในเมล็ดมีการสะสมสูงขึ้นในทั้งสองฤดูปลูก

URL Reference :

(ดาวน์โหลด: 4 ครั้ง)

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 03-10-2568

แจ้งไฟล์หาย